หางเสือลาย
ใบ : รูปรี รูปใบหอกถึงขอบขนานยาวถึง 3 - 7 ซม. สีเขียวเข้มถึงเขียวปนม่วงแดง
ดอก : เป็นช่อทรงกระบอกกว้าง 1 - 2 ซม. ยาว 5 - 15 ซม. มีใบประดับรองรับช่อดอกหนึ่งคู่ ดอกย่อยจำนวนมากมีสีม่วงอ่อน

หยาดน้ำค้าง

ใบ : ใบรูปเส้นยาวเรียวค่อนข้างอวยหนายาว 2 - 7 ซม. ปลาย ม้วนงอ เป็นวงมีขนสีแดงทั่วใบปลาย ขนมีต่อมน้ำในเหนียวไว้ดักจับแมลงเป็นอาหาร
 ดอก : ดอกเป็นช่อที่ปลายกิ่งสีชมพูม่วง ขนาดดอก 0.5 - 1 ซม. ดอกบานในต้อนเช้าเมื่อได้รับแดดอ่อนและหุบในตอนบ่าย 

ดุสิตา
ใบ : เปลี่ยนรูปใบ เป็นกระเปาะขนาดเล็กจิ๋วเพื่อไว้ดักจับแมลงและจะทำหน้าที่ได้ดีเมื่ออยู่ใต้น้ำ
ดอก : ออกเป็นช่อ ๆ สูงประมาณ 5 - 20 ซม. มีดอกย่อยจำนวน 3 - 5 ดอก สีม่วงเข้ม โคนกลีบเชื่อมติดกัน ปลายแยกเป็น 5 แฉก ด้านบนมีสีม่วงอมน้ำเงิน ด้านล่างมีลักษณะเป็นถุงคล้ายเรือ บริเวณท้องเรือมีสีฟ้า และมีจะงอยสีขาวยื่นออกมาเป็นหาง ออกดอกในราวเดือน ต.ค. - ธ.ค. 

มณีเทวา

ใบ : เรียวแคบรูปแถบกว้าง 3 มม. - 0.5 ซม. ยาว 6 - 10 ซม. ปลายแหลม ขอบใบเรียบโคนแผ่ออกเป็นกาบหุ้มลำต้นใบเรียงซ้อนกันเป็นกระจุกเหนือพื้นดิน
ดอก : ออกเป็นช่อ ที่ปลายสุดของลำต้น ซึ่งแต่ละกอจะมีก้านช่อดอกจำนวนมาก สูง 10 - 30 ซม. ดอกแยกเพศแต่อยู่ในช่อเดียวกันดอกเพศผู้จะอยู่รอบใน ส่วนดิกเพศเมียอยู่รอบนอก ดอกสีขาวมีทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่กลีบดอกเรียงตัวอัดกันแน่นเป็นกระจุกกลมคล้ายเส้นด้ายที่ถึกอยู่รอบดอก ออกดอก เดือน ต.ค. - ก.พ.

สร้อยสุวรรณา
ใบ : เปลี่ยนรูปเป็นเส้นและมีกระเปาะดักแมลงเช่นเดียวกับทิพเกสร
ดอก : สีเหลืองสดในเรียงอยู่บนก้านเป็นช่อยาวมี 3 - 10 ดอก โคนดอกเชื่อมติดกันและยื่นยาวเป็นจะงอยแหลม ด้านล่าง ส่วนปลายแยกเป็น 2 ปาก ดูคล้ายเป็นถ้วยเล็ก ๆ ผลกลมแป้นขนาดเล็กเมื่อแก่จะแตกออกส่งเมล็ดภายใน ให้หล่นลงดิน และเจริญขึ้นใหม่ในฤดูฝนปีต่อไป ออกดอกในเดือน ต.ค. - ธ.ค.