โปรแกรมท่องเที่ยว 8 วัน 7 คืน กรุงเทพฯ-ฮอกไกโด ฤดูหนาว

เดี๋ยวนี้เตรียมตัวง่ายกว่าเมื่อก่อนเยอะ หลังรัฐบาลญี่ปุ่นยกเลิกวีซ่าจากไทย ฮอกไกโด ศูนย์กลางการคมนาคม ท่องเที่ยว เศรษฐกิจ อยู่ที่ เมืองซัปโปโรประชากร 2.5 ล้านคน เดินทางภายในเมืองด้วยรถไฟใต้ดิน Subway นอกเมืองให้รถไฟที่เรียกว่า JR Train ขบวนรถไฟของ JR มีแบบธรรมดา จอดทุกสถานี กับ รถไฟด่วน Rapid Train วิ่งตามตารางเดินรถ ขบวนสุดท้ายจะหมดประมาณ 23.59 น.เราควรประมาณเวลาเดินทางให้พร้อมก่อน นอกจากรถไฟก็จะมี Taxi และ Bus ซึ่งเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยว ร้านค้า และโรงแรมได้ใกล้กว่า

เตรียมตัวก่อนเที่ยวฮอกไกโดในฤดูหนาว
ฤดูหนาว เริ่มประมาณเดือน พ.ย.- มี.ค. อุณหภูมิ -10 ถึง +10 องศา C

1. ชุดกันหนาว...หลายชั้นๆ โดยเฉพาะหากเราเดินทางช่วง ธ.ค.-ก.พ. เป็นช่วงที่หนาวที่สุด ผมแนะนำชุดกันหนาวขนเป็ด อุ่นดี
2. หมวกสวมหัวแบบปิดหูได้
3. กางเกงลองจอห์น กันลมหนาวได้ดี
4. ถุงเท้าหนาๆ และถุงมือ หาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อ 7-11 หรือ Family Mart ราคาถูกกว่าเมืองไทย
5. รองเท้าแบบกันหิมะและกันลื่น อันนี้สำคัญมากๆ ชาวฮอกไกโดโดยเฉพาะผู้หญิงนิยมสวมรองเท้าบูธ หากเป็นไปได้แนะนำให้ซื้อที่ยางกันลื่นสวมรองเท้าอีกที ช่วยเรื่องลื่นหกล้มได้ดี ผมเองมีแต่ไม่ใช้โดนไป 4 แผล
6. หากเดินทางข้ามเมือง กระเป๋าใบใหญ่ เราสามารถฝากในล็อกเกอร์ตามสถานีได้ ราคาแล้วแต่ขั่วโมงและขนาด หากเสื้อผ้าใส่ซ้ำได้ ผมแนะนำให้ใส่ซ้ำ ที่นี่อากาศดีไม่สกปรก ไม่มีกลิ่น(หากไม่ได้เข้าร้านปิ้งย่าง) กระเป๋าเป็นเป้ก็สะดวกดี กระเป๋าล้อลากก็ได้หากเดินทางภายในตัวเมืองซัปโปโรเป็นส่วนใหญ่ แนะนำให้ลงใต้ดินเดินเท้าภายในทางเชื่อมก็สะดวกดี ข้างบนอากาศหนาวมาก
7. แลกเปลี่ยนเงิน ผมแนะนำ Super Rich บนถนนสีลม หรือร้านแลกเงินในซอยธนิยะ ได้ราคาถูกกว่าธนาคาร หากคิดว่าจะเดินทางไปญี่ปุ่นอีก ควรแลกเผื่อไว้หน่อย...ขากลับหนีไม่พ้นสินค้า แพคเก็จจิ้งสวยๆ สำหรับขาช้อปล่อตาล่อใจเยอะ รับรองใช้หมดเกลี้ยง
8. สินค้า Duty Free ที่สนามบิน ราคาถูกกว่าร้านค้าทั่วไปแถว JR station หรือ Otaru
9. เดินทางหลายวัน ข้ามเมืองแนะนำซื้อ JR ticket แบบเหมา เดินทางภายในเมืองซัปโปโรไป-กลับ ซื้อตัวรายวัน Subway ถูกกว่า ราคาตั๋ววันหยุด เสาร์-อาทิตย์ และวันธรรมดา ราคาไม่เท่ากัน ราคาต่างกันประมาณ 50%

สถานที่ที่คุณต้องไปใกล้ซัปโปโร (Must See)

1. JR Tower & Station 
   หากไม่ได้เดินทางในช่วงเทศกาล Snow Festival ผมแนะนำให้หากที่พักใกล้สถานีรถไฟ JR สะดวกสุด JR Station เป็นศูนย์รวม แหล่งช็อปปิ้ง ร้านอาหารนานาชนิด สถานีรถไฟ ชุมทาง Bus Terminal และ รภไฟใต้ดินSubway
   หากเที่ยวช่วงเทศกาล Snow Festival ควรพักแถว Odari Park หรือ TV Tower ใกล้งาน แต่ราคาช่วงเทศกาลแพงกว่าปกติเท่าตัว
   
   
   
2. Sapporo TV Tower
   เป็นจุดชมวิวเมืองซัปโปโร สวยมากยามค่ำคืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงงาน Snow Festival มองเห็นงานที่จัดบน Odari Park ทั้งหมด มีค่าธรรมเนียมเข้าชม ปิด 4 ทุ่ม ด้านบนมีร้านขายของที่ระลึก
   
   
   
   
3. หอนาฬิกาเมืองซัปโปโร (Sapporo Clock Tower)
   หอนาฬิกา สัญลักษ์ของเมืองซัปโปโร ข้างในเป็นพิพิทธภัณฑ์ เสียค่าเข้าชม มีร้านขายของฝากอยู่ซ้ายมือทางเข้า ตึกฝั่งตรงข้ามเป็นสำนักงานใหญ่การท่องเที่ยวซัปโปโร เดินข้ามถนนไปได้เลย
   
   
   
4. อาคารเก่าสำนักงานรัฐบาลซัปโปโร-ตึกสีแดง Former Hokkaido Government Office Building
   ไม่ไกลจาก Clock Tower ช่วงเทศกาลหิมะถ่ายรูปสวย เข้าชมฟรี ภายในมีพิพิธภัณฑ์เล่าเรื่องราวเมืองซัปโปโรในอดีต
   
   
   
5. โรงงานช็อคโคแล็ค (Shiroi Koibito Park)
   โรงงานผลิดคุ๊กกี้และช็อคโคแล็ค มีสวนตกแต่สวยงามโดยเฉพาะฤดูหนาวยามเย็น ต้องเดินทางออกนอกเมืองโดยใช้ Subway แนะนำให้แวะเที่ยวพ่วงกับ ตลาดค้าส่งอาหาร Outside Market or Sapporo Central Wholesale Market อยู่คนละสถานทีผมให้เที่ยวที่ตลาดค้าส่งก่อน เพราะเป็นตลาดเช้า โรงงานช็อกโคแล็คเที่ยวบ่ายหน่อยได้
   ที่โรงงานนี้ ต้องเสี่ยค่าเข้าชม หากจะเช้าไปยังพิพิทธภัณฑ์ภายใน กว้างขวางมาก ใช้เวลาเที่ยวที่นี่ประมาณ 2-3 ชั่วโมง
   
   
   
6. ตลาดค้าส่งอาหารทะเลเมืองซัปโปโร (Outside Market or Sapporo Central Wholesale Market)
   ตลาดขายของอาหารทะเลปูต่างๆ ซูชิ และสดๆ เป็นๆ หรือแบบน็อคแช่แข็งไว้ไปทานที่บ้าน ก็ได้ ราคา...ผมว่า ก็ไม่ถูกเท่าไร แต่อาหารสด ใกล้ๆมีร้านอาหารเยอะมากเลือกได้ตามใจชอบ ตลาดวาย 5 โมงเย็น บางวัน 3 โมงเย็น ควรไปแต่เช้าๆ
   
   
   
7. ถนนซุซุกิโนะ (Susukino)
   แหล่งราตรี คล้ายพัฒพงค์ถนนสีลมบ้านเรา แต่ไม่โจ่งแจ้งเท่า นอกจากแหล่งบรรเทิงต่างๆ แล้วยังมีร้านค้า ร้านอาหารญี่ปุ่น เช่นร้าน Kani-ya ร้านปู ชื่อดัง อยู่บนถนนสายนี้อีกด้วย
   
   
   
8. ถนนราเมง (Ramen Street)
   ซอยเล็กๆ (มาก) ขายแต่ราเมง แบบต่างๆ ไม่ซ้ำกัน ร้านค้าแบบสไตล์ญี่ปุ่นเล็กๆ นั่งกินริมบาร์เสริพจากพ่อครัว ราคาต่อชามกลางๆ ผมไม่แนะนำร้านไหนเป็นพิเศษ เลือกเอาเองแต่เมนูที่ชอปดีกว่า เน้นรสชาติจัดๆ หน่อยสไตล์คนไทย ราเมงทั่วไปรสชาติจืด
   
   
   
9. ศาลเจ้าฮอกไกโด (Hokkaido Shrine)
   ศาลเจ้าแบบเฉพาะดั้งเดิมสไตล์ญี่ปุ่น ไม่เสียค่าเข้าชม บริษัทฯทัวร์จึงนิยมพาลูกทัวร์มาแวะถ่ายรูปขอพร หน้าทางเข้ามีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ไว้ล้างหน้าและดื่มเพื่อเป็นสิริมงคล ภายในตัวอาคารไม่อนุญาติให้ถ่ายรูป หากมาเป็นหมุ่คณะสามารถติดต่อให้ทางศาลจัดพิธีกรรม
   
   
   
10. คลองโอทารุ (Otaru Canal)
    สุดยอดสถานที่สุดโรแมนติก แห่งหนึ่งของโลก ต้องไปช่วงเทศกาลหิมะ ผมเองโชคดีมากที่มาที่นี่วันที่ 14 ก.พ. 58 วันวาเลนไทน์พอดี ตรงกับงานเทศกาล นักท่องเที่ยวเยอะมากโดยเฉพาะยามเย็น แถบจะไม่มีที่เดิน ตกแต่งด้วยแสงเทียนตามแนวริมคลอง แสงไฟสลัวๆ สะท้อนเงาในน้ำของสีน้ำตาลเข้มโกดังเก่า ทอดเป็นแนวสุดสายตากับหิมะสีขาวอมฟ้ายามเย็น
    
    
    
11. ถนนซาไกมาชิ Sakai Machi St.
    ถนนสายช็อปปิ้งอันโรแมนติกมากๆ ปลายทางด้านหนึ่งเป็นร้านขายของที่ระลึก ปลายอีกด้านหนึ่งเป็นถนนสายชูชิ ตรงกลางเป็นร้านขายขนมจำพวก คุกกี้ ช็อคโคเล็ค ไอศรีม แนะนำร้านขายกล่องดนตรี ร้านทำแก้ว ร้านขายแอแคร์ (ชั้น 2) เข้าแถวซื้อ แบบทานเลย)  ร้านขายขนมLetao บางร้านมีให้ชิมฟรีก่อนซื้อ บางร้านจะมี ป้าย Tax Refund แยกประเภทสินค้า แบบอาหาร และของใช้ ขั้นต่ำต้อง 5400 Yen ของใช้ และ 10801 Yen เป็นอาหารถึงจะทำคืนภาษีให้ แต่เอาชัวร์ สินค้าจำพวกอาหาร ผมแนะนำให้ไปซื้อขากลับที่ duty free ในสนามบิน Chitose ดีและสะดวกกว่า ปลอดภาษีโดยธรรมชาติอยู่แล้ว แพ็คกลับหิ้วขึ้นเครืองได้เลย
    

หลังจากวางมือการเป็น Blogger มานานนับปี ก็เริ่มกลับมาเขียนบทความท่องเที่ยวอีกครั้ง จากครั้งแรกจนถึงวันนี้ก็กว่า 15 ปีล่ะ รุ่นแรกของวงการเว็บไซท์ไทยเลย

ข้อควรระวังเมื่อเที่ยวในฮอกไกโด

1. ผู้คนจะพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้....หากต้องการใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารให้พูดน้อยคำ ไม่ต้องถูกGrammar แต่เข้าใจก็พอแล้ว
2. ภายในห้างสรรพสินค้า สถานีรถไฟ มี information center เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ส่วนใหญ่พอพูดได้ ไปไหนไม่ถูกหรือไม่แน่ใจให้ถามไว้ก่อน
3. ก่อนเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเองควรมีแผนที่ฮอกไกโดติดตัวไว้ มีเวอร์ชั่นมาภาษาไทยด้วย สำนักงานใหญ่การท่องเที่ยวซัปโปโร (Sapporo Convention Sapporo) อยู่ตึกตรงข้าม Clock Tower ชั้นสอง ที่นี่มีข้อมูลเพียบ มีเจ้าหน้าที่ประจำพูดได้หลายภาษา ต้องมาช่วงเวลาทำการ หากเป็นห้องมูลท่องเที่ยวทั่วไปหาได้ตามสถานีรถไฟ
4. สนามบินฮอกไกโด อยู่ทีเมือง นิวชิโตเซะ (New Chitose) ถัดไปอีกสัก 8 กม. ก็มีเมือง ชิโตเซะ (Chitose) ระวังจะสลับกัน หากเดินทางจากสนามบินไปโรงแรมเอง ควรศึกษาเส้นทางเดินรถบัส และรถไฟ JR ไว้ก่อน
5. ช่วงฤดูหนาว ที่นี่ สี่โมงเย็นกว่าๆ ก็มืดแล้ว + กับหิมะตกเดินทางไกลข้ามเมืองจะไม่ค่อยสะดวก