“ถ้ำหินปูนขนาดใหญ่ที่มีห้องโถง 13 ห้อง เต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยสวยงาม เช่น "ห้องเห็ดหลินจือ" และ "เพชรพิมาน" ใช้เวลาเดินชมประมาณ 3 ชั่วโมง”
ถ้ำแม่อุษา (Tham Mae Usa) หรือที่รู้จักกันในชื่อ ถ้อหัวดอย เป็นถ้ำหินปูนที่มีลักษณะเป็นโพรงแคบๆ ต้องลอดผ่านทีละคนจนถึงปากถ้ำที่กว้างขวาง เมื่อเดินทางมาถึงถ้ำจะพบกับบรรยากาศโปร่งเย็นและความสวยงามที่ซ่อนอยู่ภายใน โดยการเข้าชมจะต้องมี ไกด์ท้องถิ่น เพื่อความปลอดภัยและเพื่อให้ได้รับข้อมูลที่น่าสนใจจากภายในถ้ำ
ภายในถ้ำมี ห้องโถงทั้งหมด 13 ห้อง ที่เชื่อมต่อกัน โดยแต่ละห้องมีความสวยงามและรูปร่างที่โดดเด่นไม่เหมือนกัน ดังนี้:
-
ห้องปากถ้ำ: ห้องแรกที่เข้าไปในถ้ำ มีทางเดินแคบๆ ลอดผ่านได้ทีละคน เมื่อผ่านปากถ้ำแล้วจะพบกับบรรยากาศเย็นและสวยงาม
-
ห้องม่านแก้ว: เป็นห้องที่มีหินย้อยสวยงามคล้ายผ้าม่านตกลงมา ประดับด้วยผลึกแคลไซต์ที่ระยิบระยับเมื่อสะท้อนแสงไฟ เป็นหนึ่งในจุดที่สวยที่สุดของถ้ำ
-
ห้องค้างคาว: ห้องนี้เป็นที่อยู่ของค้างคาวนับล้านตัว ซึ่งจะพบค้างคาวเกาะพักนอนอยู่ตามผนังถ้ำ
-
ห้องกะหล่ำแก้ว: หินงอกหินย้อยในห้องนี้มีรูปร่างคล้ายดอกกะหล่ำ ซึ่งสะอาดใสและดูเหมือนแก้ว มีขนาดกว้างประมาณ 3 เมตร
-
ห้องธาราแก้ว: ห้องนี้มีลักษณะเป็นริ้วหินปูนที่คล้ายคลื่น ซึ่งระยิบระยับด้วยผลึกแก้ว ทำให้ดูเหมือนน้ำตกที่เปล่งประกาย
-
ห้องเพชรพิมาน: ห้องนี้เต็มไปด้วยหินย้อยที่มีรูปร่างสวยงามราวกับเพชร ซึ่งกระทบแสงไฟแล้วระยิบระยับ
-
ห้องหินงอกใหญ่: ห้องที่มีหินงอกขนาดใหญ่ที่สุดในถ้ำ หน้าตาของหินงอกมีความหลากหลาย ทั้งเรียบและซับซ้อน
-
ห้องเจดีย์ทอง: หินงอกในห้องนี้มีรูปทรงคล้ายเจดีย์ทอง ซึ่งสะท้อนแสงไฟแล้วดูระยิบระยับเหมือนทองคำ
-
ห้องเพชรเมือง: ห้องที่มีหินย้อยลักษณะคล้ายเพชรที่มีหลายมุมมอง ทำให้ดูเหมือนเมืองที่เต็มไปด้วยเพชร
-
ห้องหินปูนขนาดใหญ่: ห้องที่มีขนาดกว้างใหญ่เท่ากับสนามฟุตบอล มีหินงอกและหินย้อยที่มีรูปร่างสวยงามหลากหลาย
-
ห้องหล่นจากฟ้า: ชื่อห้องนี้มาจากหินงอกที่ตกลงมาจากเพดานถ้ำ ซึ่งมีลักษณะคล้ายรูปดาวที่กำลังตกลงมาจากฟ้า
-
ห้องหินย้อยแสงจันทร์: ห้องนี้มีหินย้อยที่กระทบแสงไฟในเวลากลางคืนเหมือนแสงจันทร์ที่ส่องลงมาจากฟ้า
-
ห้องพืชพันธุ์หิน: ห้องที่มีหินย้อยที่มีลักษณะคล้ายต้นไม้หรือพืชพันธุ์ที่เติบโตจากหิน
ข้อมูลทางธรณีวิทยา
ถ้ำแม่อุษาเกิดจากกระบวนการทางธรณีวิทยาที่ซับซ้อน โดยหินงอกหินย้อยในถ้ำเกิดจากการสะสมของแร่ธาตุในน้ำที่หยดลงมาจากเพดานถ้ำและตกลงสู่พื้น โดยการสะสมของแร่จะเกิดเป็นหินปูนที่มีลักษณะเป็นหินงอก (stalactites) และหินย้อย (stalagmites) ซึ่งใช้เวลานานหลายพันปีในการก่อตัวขึ้น
สัตว์และพืชพรรณในถ้ำ
ภายในถ้ำแม่อุษา มี ค้างคาว นับล้านตัวที่ใช้ถ้ำเป็นที่อยู่อาศัย ซึ่งค้างคาวเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในระบบนิเวศของถ้ำ โดยช่วยในการควบคุมจำนวนแมลงในพื้นที่ ถ้ำยังเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์เล็กๆ เช่น แมลงบางชนิดที่สามารถอาศัยในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูงและขาดแสง
วิธีการเดินทาง
การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว
-
เส้นทางหลัก:
ขับจาก อำเภอแม่สอด ไปตาม เส้นทางหลวงหมายเลข 105 (สายแม่สอด-แม่ระมาด) จนถึง หลักกิโลเมตรที่ 13 แล้วเลี้ยวขวาเข้าสู่ทางแยกไปยัง หมู่บ้านแม่กาษา -
จุดสังเกต:
ขับไปประมาณ 8 กิโลเมตร จนถึง น้ำพุร้อนแม่กาษา ซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกับ ถ้ำแม่อุษา จากนั้นเดินขึ้นบันได 800 ขั้น (ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร) ถึงปากถ้ำ
การเดินทางโดยรถโดยสาร
-
ใช้บริการ รถโดยสาร จาก อำเภอแม่สอด ไปยัง หมู่บ้านแม่กาษา
-
ลงที่บริเวณ น้ำพุร้อนแม่กาษา แล้วเดินขึ้นบันได 800 ขั้น (ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร) เพื่อไปถึง ปากถ้ำแม่อุษา
คำแนะนำ
-
การเตรียมตัว: เนื่องจากต้องเดินสำรวจภายในถ้ำนานประมาณ 3 ชั่วโมง ควรเตรียม ไฟฉาย ที่มีแสงเพียงพอ และ รองเท้าที่เหมาะสม สำหรับการเดินในพื้นที่เปียกและลื่น
-
การนำทาง: ควร จองไกด์ท้องถิ่น ก่อนล่วงหน้า เพื่อให้การเดินทางปลอดภัยและได้รับข้อมูลทางธรณีวิทยาที่สำคัญ
-
ระมัดระวัง: ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสหินงอกหินย้อย เพราะอาจทำให้หินเหล่านั้นเสื่อมสภาพได้
-
สถานที่ใกล้เคียง: อย่าลืมแวะไปแช่น้ำแร่ที่น้ำพุร้อนแม่กาษา ซึ่งอยู่บริเวณเดียวกัน เพื่อผ่อนคลายหลังจากการสำรวจถ้ำ
ค่าเข้าชม:
- ค่าเข้าชมตัวถ้ำ: ไม่มี
- ค่าบริการผู้นำชมถ้ำ (ไกด์ท้องถิ่น): 300 บาท/กลุ่ม (ประมาณ 10 คน) / ครั้ง
เวลาเปิด–ปิด:
- เปิดทำการ: ทุกวัน
- เวลาเข้าชม (โดยประมาณ): 09:00 น. – 17:00 น.