“วัดถ้ำกลองเพลมีเอกลักษณ์จากถ้ำที่เมื่อมีการเปล่งเสียงหรือกระทบหินจะเกิดเสียงก้องกังวานคล้ายเสียงกลองเพล รอบถ้ำมีพระพุทธรูปแกะสลักและสวนหินธรรมชาติที่ร่มรื่น ภายในวัดยังเป็นที่ประดิษฐานพิพิธภัณฑ์อัฐบริขารและมณฑปหลวงปู่ขาว อนาลโย ทำให้เป็นทั้งสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และแหล่งเรียนรู้ทางพระพุทธศาสนาที่สำคัญ”
วัดถ้ำกลองเพลตั้งอยู่ที่เชิงเขาภูพานในเขตตำบลโนนทัน อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู เป็นวัดป่าที่เงียบสงบและร่มรื่น เหมาะสำหรับผู้ที่แสวงหาความสงบและปฏิบัติธรรม ชื่อของวัดมาจากถ้ำกลองเพล ซึ่งมีความพิเศษตรงที่เมื่อมีการตีก้อนหินหรือส่งเสียงภายในถ้ำ จะเกิดเสียงสะท้อนก้องคล้ายเสียงกลองเพล ทำให้เป็นที่มาของชื่อถ้ำและกลายเป็นชื่อเรียกวัดในที่สุด
วัดถ้ำกลองเพลมีประวัติผูกพันกับพระเกจิชื่อดังสายวิปัสสนากรรมฐานคือหลวงปู่ขาว อนาลโย ศิษย์รุ่นใหญ่ของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตะเถระ ท่านได้ใช้วัดแห่งนี้เป็นสถานที่จำพรรษาและปฏิบัติธรรม เป็นศูนย์กลางเผยแผ่ธรรมะแก่พระสงฆ์และพุทธศาสนิกชนมากมาย เมื่อกาลเวลาผ่านไป วัดจึงมีชื่อเสียงและเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของผู้คนทั้งในจังหวัดและต่างถิ่น
ภายในวัดมีพระพุทธรูปแกะสลักในก้อนหิน ทั้งปางสมาธิและปางไสยาสน์ รวมถึงสวนหินธรรมชาติที่เกิดขึ้นเองตามกาลเวลามีรูปร่างแปลกตา สร้างความร่มรื่นและความงดงามอย่างเรียบง่ายแก่ผู้มาเยือน อีกทั้งยังมีพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงอัฐบริขารของหลวงปู่ขาว เช่น บาตร จีวร และเครื่องใช้ส่วนตัว พร้อมหุ่นขี้ผึ้งของท่านเพื่อให้ผู้ศรัทธาได้ระลึกถึงคุณธรรมความเรียบง่ายในการครองสมณะ
บริเวณวัดยังมีมณฑปและเจดีย์ที่ประดิษฐานอัฐิของหลวงปู่ขาวเพื่อเป็นที่สักการบูชาแก่ผู้ศรัทธา ไม่เพียงแต่เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้าน แต่ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ผสมผสานทั้งคุณค่าทางธรรมชาติ ศิลปะ วัฒนธรรม และพระพุทธศาสนาได้อย่างงดงาม ทำให้วัดถ้ำกลองเพลเป็นสถานที่สำคัญที่ผู้มาเยือนจังหวัดหนองบัวลำภูไม่ควรพลาด
วิธีการเดินทาง
- โดยรถยนต์ส่วนตัว: จากตัวเมืองหนองบัวลำภู ใช้ทางหลวงหมายเลข 210 (สายหนองบัวลำภู–อุดรธานี) มุ่งหน้าไปทางอุดรธานีประมาณ 13 กิโลเมตร จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าถนนสู่บ้านถ้ำกลองเพลอีกประมาณ 2 กิโลเมตร จะถึงวัดถ้ำกลองเพล
- โดยรถโดยสาร: สามารถนั่งรถโดยสารประจำทางจากตัวเมืองหนองบัวลำภูไปยังจุดใกล้วัด แล้วใช้บริการรถสองแถวหรือจักรยานยนต์รับจ้างเข้าสู่วัด
คำแนะนำ
-
แต่งกายสุภาพเรียบร้อยเหมาะสมกับการเข้าวัด
-
เตรียมน้ำดื่ม เนื่องจากวัดตั้งอยู่ในพื้นที่ร่มรื่นและอากาศอาจอบอ้าวในบางฤดู
-
สวมรองเท้าที่เหมาะกับการเดินบนพื้นที่หินและดิน
-
เคารพสถานที่และปฏิบัติตามกฎระเบียบของวัด
Admission Fee
- ไม่มีค่าเข้าชม
Opening Hours
- เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 05:00 น. ถึง 18:00 น.
รีวิวทั้งหมด
(รีวิว 13 รายการ)รีวิวเมื่อ 4 ส.ค. 55
"คนเกิดมาไม่เหมือนกัน เพราะมีความประพฤติที่ต่างกัน ผู้ที่เขาประพฤติดี รักษาศีลมีการให้ทาน มีการสดับรับฟังพระธรรม เขาจึงมีปัญญาดี มีการศึกษาเล่าเรียนดี การจำแนกสัตว์ให้ดีให้ชั่วต่าง ๆ กัน มันเป็นเพราะกรรม ถ้ามันยังทำกรรมอยู่ ก็ต้องได้รับผลกรรมทั้งกรรมดีกรรมชั่ว มันต้องได้รับผลตอบแทน เหตุนี้ เราจึงควรทำกุศล รักษาศีลให้บริสุทธิ์สมบูรณ์ แล้วทำสมาธิจะมีความสงบสงัด จิตรวมลงได้ง่าย เพราะมันเย็น มันราบรื่นดี ไม่มีลุ่มไม่มีดอน จงพากันทำไปใน อิริยาบถทั้งสี่ นั่ง นอน ยืน เดิน อะไรก็ได้ แล้วแต่ความถนัด แล้วแต่จริต อันใดมันสะดวกสบายใจ หายใจดี ไม่ขัดข้องฝืดเคือง อันนั้นควรเอาเป็นอารมณ์ของใจ
พุทโธ พุทโธ หมายความว่า ให้ใจยึดเอาพุทโธเป็นอารมณ์ เพื่อป้องกันไม่ให้จิตออกไปสู่อารมณ์ภายนอก เพราะอารมณ์ภายนอกมันชอบไปจดจ่ออยู่กับ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ความถูกต้องทางกาย หากทุกสิ่งทุกอย่างมันไปจดจ่ออยู่ที่นั่น จิตมันจะไม่รวมลง นี่แหละ เรียกว่า มาร คือ ไม่มีสติ อย่าให้จิตไปจดจ่ออย่างนั้น ให้มาอยู่กับผู้รู้ ให้น้อมเอา พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เป็นอารมณ์ จะอยู่ในอิริยาบถใด ก็ให้มีความเพียร ผู้ที่ภาวนาจิตสงบลงชั่วช้างพับหู งูแลบสิ้น ชั่วไก่ดินน้ำ นี่ อานิสงส์อักโข ให้ตั้งใจทำไป
การที่จิตรวมลงไปบางครั้ง มี 3 ขั้นสมาธิ คือ ขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิ อัปปนาสมาธิ หากรวมลง ขณิกสมาธิ เราบริกรรมไป พุทโธ หรืออะไรก็ตาม จิตสงบไปสบายไปสักหน่อย มันก็ถอนขี้นมา ก็คิดไปอารมณ์เก่าของมันนี่ ส่วนหากรวมลงไปเป็น อุปจารสมาธิ ก็นานหน่อยกว่าจะถอนขึ้นไปสู่อารมณ์อีกให้ภาวนาไป อย่าหยุดอย่าหย่อน ค่อยเป็นค่อยไป ไม่ต้องไปนึกคาดหวังอะไร อย่าให้มีความอยาก เพราะมันเป็นตัณหา ตัวขวางกั้นไม่ให้จิตรวม ไม่ต้องไปกำกับว่า อยากให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ การอยากให้จิตรวมลง เหล่านี้แหละเ ป็นนิวรณ์ตัวร้าย ให้ปฏิบัติความเพียรไม่หยุดหย่อน เอาเนื้อและเลือด ตลอดจนชีวิตถวายบูชาพระพุทธเจ้า พระธรรม และ พระสงฆ์ เราจะเอาชีวิตจิตใจ ถวายบูชาพระรัตนตรัย ตลอดจนวันตาย นี่ก็เป็นมัชฌิมาปฏิปทา แล้วจิตจะรวมลงอย่างไร เมื่อไร ก็จะเป็นไปเองเมื่อใจเป็นกลาง ปล่อยวาง สงบถูกส่วน"
--------------------------------
ทางออกจากวัดถ้ำกลองเพล
รีวิวเมื่อ 4 ส.ค. 55
"ท่านอาจารย์องค์นี้มีความเด็ดเดี่ยวมาก การนั่งภาวนาตลอดสว่างท่านทำได้สบายมาก ถ้าไม่เป็นผู้มีใจกล้าหาญกัดเหล็กกัดเพชรจริง ๆ จะทำไม่ได้ จึงขอชมเชยอนุโมทนากับท่านอย่างถึงใจ เพราะเป็นที่แน่ใจในองค์ท่านร้อยเปอร์เซนต์ว่า เป็นผู้สิ้นภพสิ้นชาติอย่างประจักษ์ใจ ทั้งที่ยังครองขันธ์อยู่"
-------------------------------
ป้ายแสดง สถานที่ต่างภายในบริเวณวัดถ้ำกลองเพล
รีวิวเมื่อ 4 ส.ค. 55
ท่านทุพพลภาพอยู่ถึง 9 ปี แต่สุขภาพจิตยังดีมีนิสัยรื่นเริงติดตลกในระยะสามปีสุดท้าย นัยน์ตาของท่านมืดสนิทเพราะต้อแก้วตา หรือ ต้อกระจก หูก็ตึงมาก เพราะหินปูนจับกระดูก แต่ท่านก็มิได้เดือดร้อนใจ และสามารถบอกกำหนดอายุขัยของตนเองได้ว่า จะมรณภาพอายุ 96 ปี ซึ่งก็เป็นจริงดังที่ท่านได้กล่าวไว้
หลวงปู่ขาวมรณภาพในวันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม 2526 อายุ 95 ปี 64 พรรษา โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับไว้เป็นศพในพระบรมราชานุเคราะห์โดยตลอดตั้งบำเพ็ญพระราชกุศล 7 วัน ทรงพระราชทานโกศโถฉัตรเบญจาตั้งประดับ และพระราชทานเพลิงศพวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2527 ในวันพระราชทานเพลิงศพหลวงปู่ขาว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินมาเป็นองค์ประธาน พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ และ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี นั้น ปรากฏว่า วัดถ้ำกลองเพล ซึ่งมีอาณาบริเวณหลายพันไร่กลับคับแคบไปถนัดใจ ประชาชนจากทั่วทุกสารทิศหลั่งไหลกันมาถวายสักการะสรีระร่างของท่านนับเป็น จำนวนแสนคน นับเป็นประวัติการณ์สูงสุดของประเทศทีเดียว
-------------------------------
พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผี้ง หลวงปู่ขาว อนาลโย
รีวิวเมื่อ 4 ส.ค. 55
หลังกระทำญัตติกรรมเข้าคณะธรรมยุติกานิกายแล้ว ท่านได้จำพรรษาอยู่ที่จังหวัดอุดรธานีเป็นเวลา 8 ปี จากนั้นได้เดินธุดงค์ตาม ท่านพระอาจารย์หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ไปปฏิบัติธรรมในสถานที่ต่างๆ ท่านออกเดินทางทุกปี และได้สมบุกสมบันไปแทบทุกภาคของประเทศ นอกจากนี้ ท่านยังได้เคยเดินธุดงค์ร่วมกับ หลวงปู่ฝั้น อาจาโร หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม หลวงปู่ชอบ ฐานสโม เป็นเวลารวมกันหลายปีอีกด้วย
ท่านได้สร้างบารมีอยู่ในป่าเขาเป็นเวลายาวนาน มีประสบการณ์มากมายเกี่ยวกับสัตว์ป่าทั้งหลาย เช่น สิง ค่าง ช้าง เสือ เวลาท่านนึกถึงอะไร สิ่งนั้นมักจะมาตามความรำพึงนึกคิดเสมอ เช่น นึกถึงช้าง ว่าหายหน้าไปไหนนานไม่ผ่านมาทางนี้เลย พอตกกลางคืนดึกๆ ช้างก็จะมาหาจริงๆ และ เดินตรงมายังกุฏิที่ท่านพักอยู่ พอให้ท่านทราบว่าเขามาหาแล้ว ช้างก็จะกลับเข้าป่าไป เวลาที่ท่านนึกถึงเสือ ก็เช่นกัน นึกถึงตอนกลางวันตกกลางคืนเสือก็มาเพ่นพ่านภายในวัดบริเวณที่ท่านพักอยู่
คุณหมออวย เกตุสิงห์ เขียนไว้ในประวัติอาพาธ ซึ่งเป็นภาคผนวกของหนังสือ อนาลโยวาท ว่า เวลาท่านไม่สบายอยู่ในป่าเขา มักจะไม่ใช้หยูกยาอะไรเลย จะใช้แต่ธรรมโอสถ ซึ่งได้ผลทั้งทางร่างกายและจิตใจไปพร้อมๆ กัน ท่านเคยระงับไข้ด้วยวิธีภาวนามาหลายครั้ง จนเป็นที่มั่นใจต่อการพิจารณาเวลาไม่สบาย
ท่านพระอาจารย์หลวงตามหาบัว เล่าถึง หลวงปู่ขาว ในหนังสือ 'ปฏิปทาของพระธุดงค์กรรมฐานสายพระอาจารย์หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต' ว่าหลวงปู่ขาว ได้บรรลุธรรมชั้นสุดยอดในราวพรรษาที่ 16-17 ในสถานที่ซึ่งมีนามว่าโรงขอด แห่งอำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ โดยได้เขียนเล่าไว้ว่า 'เย็นวันหนึ่ง เมื่อปัดกวาดเสร็จ หลวงปู่ขาว ออกจากที่พักไปสรงน้ำ ได้เห็นข้าวในไร่ชาวเขา กำลังสุกเหลืองอร่าม ทำให้เกิดปัญหาขึ้นมาในขณะนั้นว่า ข้าวมันงอกขึ้นมาเพราะมีอะไรเป็นเชื้อพาให้เกิด ใจที่พาให้เกิดตายอยู่ไม่หยุด ก็น่าจะมีอะไรเป็นเชื้ออยู่ภายในเช่นเดียวกันกับเมล็ดข้าว เชื้อนั้น ถ้าไม่ถูกทำลายเสียที่ใจให้สิ้นไป จะต้องพาให้เกิดตายอยู่ไม่หยุด ก็แล้วอะไรเป็นเชื้อของใจเล่า ถ้าไม่ใช่กิเลสอวิชชา ตัณหาอุปาทาน ท่านคิดทบทวนไปมา โดยถืออวิชชาเป็นเป้าหมายแห่งการวิพากษ์วิจารณ์ พิจารณาย้อนหน้าถอยหลัง อนุโลมปฏิโลมด้วยความสนใจอยากรู้ตัวจริงแห่งอวิชชา นับแต่หัวค่ำจนดึกไม่ลดละการพิจารณาระหว่าง อวิชชา กับ ใจ จวนสว่างจึงตัดสินใจกันลงได้ด้วยปัญญา อวิชชาขาดกระเด็นออกจากใจไม่มีอะไรเหลือ การพิจารณาข้าว ก็มายุติกันที่ข้าวสุก หมดการงอกอีกต่อไป การพิจารณาจิต ก็มาหยุดกันที่ อวิชชาดับ กลายเป็นจิตสุกขึ้นมา เช่นเดียวกับ ข้าวสุก จิตหมดการก่อกำเนิดเกิดในภพต่างๆ อย่างประจักษ์ใจ สิ่งที่เหลือให้ชมอย่างสมใจ คือ ความบริสุทธิ์แห่งจิตล้วน ๆ ในกระท่อมกลางเขา มีชาวป่าเป็นอุปัฏฐากดูแล ขณะที่จิตผ่านดงหนาป่ากิเลสวัฏฏ์ไปได้ แล้วเกิดความอัศจรรย์อยู่คนเดียวตอนสว่าง พระอาทิตย์ก็เริ่มสว่างบนฟ้า ใจก็เริ่มสว่างจากอวิชชาขึ้นสู่ธรรมอัศจรรย์ถึงวิมุตติหลุดพ้นในเวลาเดียว กันกับพระอาทิตย์อุทัย ช่างเป็นฤกษ์งามยามวิเศษเสียจริง
ท่านได้ธุดงค์จาริกไปตามถิ่นต่าง ๆ จนในที่สุดก็มาพำนักจำพรรษาอยู่ที่ วัดถ้ำกลองเพล อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู เมื่อ พ.ศ. 2501 จวบจนมรณภาพ เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคมพ.ศ. 2526
------------------------------------
อัฐบริขาร ลป.ขาว
รีวิวเมื่อ 4 ส.ค. 55
ต่อมาหลวงปู่ขาวเกิดความศรัทธาในปฏิปทาของพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต จึงได้ญัตติกรรมเป็นพระธรรมยุติกนิกายเมื่อ พ.ศ. 2468 ขณะมีอายุได้ 37 ปี ณ พัทธสีมาวัดโพธิสมภรณ์ จังหวัดอุดรธานี มีพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท) เป็นประธานพิธี พระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธุโล) ครั้งดำรงสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะที่ พระชิโนวาทธำรง เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์บุญ ปญฺญาวุฑโฒ เป็นพระกรรมวาจาจารย์
รีวิวเมื่อ 4 ส.ค. 55
รีวิวเมื่อ 4 ส.ค. 55
รีวิวเมื่อ 4 ส.ค. 55
รีวิวเมื่อ 4 ส.ค. 55
รีวิวเมื่อ 4 ส.ค. 55
รีวิวเมื่อ 4 ส.ค. 55
รีวิวเมื่อ 4 ส.ค. 55
รีวิวเมื่อ 4 ส.ค. 55