“เขื่อนปากมูลเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านพลังงานไฟฟ้าและสิ่งแวดล้อม ตั้งอยู่จุดบรรจบของแม่น้ำมูลและแม่น้ำโขง มีจุดชมวิวแม่น้ำสองสีและสภาพธรรมชาติที่สวยงาม เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวเชิงนิเวศและชมพระอาทิตย์ขึ้น”
เขื่อนปากมูล ตั้งอยู่ที่บริเวณปากแม่น้ำมูล จุดบรรจบของแม่น้ำมูลและแม่น้ำโขง ในเขตอำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี เป็นเขื่อนหินถมแกนดินเหนียวที่มีความสูง 17 เมตร และยาวประมาณ 300 เมตร โดยมีโรงไฟฟ้าพลังน้ำที่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าสูงสุดได้ 136 เมกะวัตต์ ด้วยเครื่องกำเนิดไฟฟ้า 4 เครื่อง ผลิตกระแสไฟฟ้าเฉลี่ยปีละ 280–300 GWh เพื่อสนับสนุนระบบไฟฟ้าในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
โครงการก่อสร้างเริ่มต้นในปี พ.ศ. 2533 และแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2537 โดยใช้เงินทุนจากรัฐบาลไทยและเงินกู้จากธนาคารโลก ถือเป็นหนึ่งในโครงการพลังงานที่มีเป้าหมายหลายด้าน ได้แก่ การผลิตไฟฟ้า ชลประทาน การส่งเสริมประมง และการควบคุมการไหลของน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วม
แม้ว่าโครงการนี้จะสร้างประโยชน์ด้านพลังงานและระบบชลประทาน แต่เขื่อนปากมูลก็กลายเป็นหนึ่งในโครงการที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากในด้านผลกระทบต่อระบบนิเวศ แม่น้ำมูลเคยเป็นหนึ่งในแหล่งประมงน้ำจืดที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดของภาคอีสาน แต่หลังจากการก่อสร้างเขื่อน ประชากรปลาได้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะปลาที่ต้องอพยพเพื่อวางไข่ เช่น ปลาบึก และปลาตะเพียน
แม้จะมีการสร้าง “บันไดปลาโจน” เพื่อให้ปลาอพยพผ่านเขื่อนได้ แต่ผลลัพธ์ไม่เป็นที่น่าพอใจเท่าที่คาดหวัง นำไปสู่การเคลื่อนไหวเรียกร้องจากชาวบ้านในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบให้เปิดประตูเขื่อนถาวรในฤดูวางไข่ ซึ่งรัฐบาลเคยทดลองเปิดประตูเขื่อนในบางช่วง แต่ยังไม่มีข้อสรุปถาวรในเชิงนโยบาย
ในด้านการท่องเที่ยว เขื่อนปากมูลกลายเป็นจุดแวะชมวิวที่สำคัญของจังหวัดอุบลราชธานี มีทางเดินชมวิวบนสันเขื่อน ซึ่งสามารถมองเห็นภาพแม่น้ำสองสีในบางช่วงฤดูกาล (เมื่อระดับน้ำโขงและมูลต่างกัน) นอกจากนี้ยังสามารถล่องเรือไปตามลำน้ำมูล หรือเดินทางต่อไปยังสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง เช่น ผาแต้ม แก่งตะนะ และแม่น้ำสองสี
ภายในบริเวณเขื่อนมีศูนย์ข้อมูลการเรียนรู้เกี่ยวกับพลังงานและการจัดการน้ำ มีพื้นที่จัดนิทรรศการเกี่ยวกับการก่อสร้างเขื่อน ประวัติแม่น้ำมูล รวมถึงข้อมูลสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตของชาวประมงริมแม่น้ำในอดีต
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ สามารถเดินป่า ศึกษาระบบนิเวศริมฝั่งแม่น้ำมูล และถ่ายภาพพระอาทิตย์ขึ้นที่บริเวณสันเขื่อนซึ่งมองเห็นวิวได้ไกลสุดตา โดยเฉพาะในฤดูหนาวที่มีหมอกปกคลุมและอากาศเย็นสบาย เหมาะสำหรับทั้งการท่องเที่ยวแบบครอบครัวและนักเดินทางเชิงอนุรักษ์
วิธีการเดินทาง
-
จากตัวเมืองอุบลราชธานี ใช้ถนนชยางกูร มุ่งหน้าสู่อำเภอโขงเจียม
-
เขื่อนอยู่ห่างจากตัวเมืองอุบลราชธานีประมาณ 75 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ประมาณ 1.5 ชั่วโมง
-
มีบริการรถโดยสารประจำทาง หรือรถตู้จากสถานีขนส่งอุบลฯ ไปยังโขงเจียม
คำแนะนำ
-
ควรเดินทางช่วงเช้าหรือเย็น เพื่อหลีกเลี่ยงแดดแรงและได้บรรยากาศวิวแม่น้ำที่สวยที่สุด
-
ฤดูหนาวเหมาะสำหรับชมทะเลหมอก และถ่ายภาพพระอาทิตย์ขึ้นบนสันเขื่อน
-
หากต้องการล่องเรือ ควรสอบถามราคาล่วงหน้าและตกลงกับเจ้าของเรือก่อนใช้บริการ
-
ควรสวมหมวกหรือพกกันแดด เนื่องจากบริเวณเขื่อนมีพื้นที่เปิดโล่งแสงแดดจัด
-
มีจุดให้จอดรถสะดวกสบาย เหมาะสำหรับผู้ที่เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว
ค่าธรรมเนียมเข้าชม
- ไม่มีค่าเข้าชม (ค่าบริการเรือแล้วแต่ตกลงกับเจ้าของเรือ)
เวลาเปิดทำการ
- เปิดให้บริการทุกวัน 06.30 – 18.00 น.