“อุทยานแห่งชาติภูจองนายอยมีจุดเด่นทั้งน้ำตกห้วยหลวงที่ใหญ่ที่สุดในอุบลราชธานี น้ำตกธารทิพย์และทุ่งนามือที่ซ่อนอยู่กลางป่า และจุดชมวิวผาชู้ซึ่งสามารถมองเห็นเขตแดนสามประเทศ อีกทั้งยังมีผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ที่เป็นบ้านของสัตว์ป่านานาชนิด”
อุทยานแห่งชาติภูจองนายอย จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2530 เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 53 ของประเทศไทย ครอบคลุมพื้นที่กว่า 686 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 428,750 ไร่ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นแนวเทือกเขาพนมดงรักตอนปลายที่ทอดตัวยาวตามแนวชายแดนไทย–ลาว–กัมพูชา จึงทำให้มีความสำคัญทั้งในเชิงทรัพยากรธรรมชาติและยุทธศาสตร์ชายแดน
ภูมิประเทศของอุทยานเป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน สลับกับที่ราบสูงและหุบเขา ลำห้วยหลายสายไหลลงสู่ที่ราบเบื้องล่างจนเกิดเป็นน้ำตกน้อยใหญ่ที่สวยงามหลายแห่ง อุทยานแห่งนี้ถือเป็นต้นน้ำลำธารสำคัญของแม่น้ำโดม แม่น้ำลำโดมใหญ่ และแม่น้ำมูล ทำให้มีความอุดมสมบูรณ์สูง
ระบบนิเวศมีความหลากหลาย ประกอบด้วยป่าดิบชื้น ป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ และป่าเต็งรัง ทำให้เป็นที่อยู่อาศัยของพันธุ์ไม้สำคัญ เช่น ยางนา ประดู่ ตะแบกอินโดจีน พะยอม กะบก และพันธุ์ไม้หายากอีกหลายชนิด รวมถึงพืชสมุนไพรและเห็ดป่าที่เกิดขึ้นมากในฤดูฝน
สัตว์ป่ามีความหลากหลาย เช่น เลียงผา เก้ง กวาง ลิงเสน ชะนีมือขาว หมูป่า เสือปลา รวมถึงนกหายาก เช่น นกยูง นกเงือก และนกหัวขวานหลากชนิด อีกทั้งยังพบผีเสื้อและแมลงนานาชนิด
แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ได้แก่
-
น้ำตกห้วยหลวง น้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดอุบลราชธานี สูงประมาณ 40 เมตร มีแอ่งน้ำกว้างด้านล่าง น้ำใสสะอาด เหมาะสำหรับการพักผ่อน
-
น้ำตกธารทิพย์ น้ำตกหลายชั้นที่สวยงามท่ามกลางผืนป่า เหมาะแก่การเดินป่าและถ่ายภาพ
-
น้ำตกทุ่งนามือ น้ำตกเล็กแต่มีเสน่ห์พิเศษ โดยเฉพาะในฤดูฝนที่สายน้ำไหลแรง
-
ผาชู้ หรือ “ผาแห่งความซื่อสัตย์” จุดชมวิวที่สามารถมองเห็นป่าเขากว้างใหญ่และทิวเขาในเขตสามประเทศ ไทย–ลาว–กัมพูชา มีเสาธงชาติไทยขนาดใหญ่ประดับอยู่
กิจกรรมยอดนิยม ได้แก่ เดินป่าศึกษาธรรมชาติ ดูนก กางเต็นท์พักแรม ถ่ายภาพทิวทัศน์ โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนถึงฤดูหนาวที่จะได้พบกับน้ำตกที่สวยงามและทะเลหมอกยามเช้า
นอกจากธรรมชาติ อุทยานยังสะท้อนวัฒนธรรมท้องถิ่น เนื่องจากชุมชนรอบพื้นที่ยังคงรักษาประเพณี เช่น การทำบุญเดือนหก การฟ้อนรำ และงานบุญบั้งไฟ นักท่องเที่ยวจึงสามารถสัมผัสทั้งความงดงามของธรรมชาติและวัฒนธรรมท้องถิ่นควบคู่กันไป
วิธีการเดินทาง
-
รถยนต์ส่วนตัว: จากตัวเมืองอุบลราชธานี ใช้ทางหลวงหมายเลข 217 สายอุบลราชธานี–นาจะหลวย ระยะทางประมาณ 140 กิโลเมตร
-
รถโดยสาร: จากสถานีขนส่งอุบลราชธานี มีรถโดยสารไปอำเภอนาจะหลวย จากนั้นต่อรถสองแถวหรือจักรยานยนต์รับจ้างเข้าสู่อุทยาน
คำแนะนำ
-
เตรียมรองเท้าและเสื้อผ้าที่เหมาะสมสำหรับเดินป่า
-
พกน้ำดื่มและอาหาร เนื่องจากร้านค้าในอุทยานมีจำกัด
-
ห้ามเก็บพืชหรือสัตว์ป่าออกจากพื้นที่
-
ระวังสัตว์มีพิษและแมลงในฤดูฝน
ค่าเข้าชม
-
คนไทย: ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท
-
ชาวต่างชาติ: ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท
เวลาเปิด–ปิด
- ทุกวัน เวลา 06.30 – 16.30 น.