“อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทคือแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งล่าสุดของประเทศไทย โดดเด่นด้วยกลุ่มโขดหินทรายรูปทรงแปลกตาอันเกิดจากปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยา และร่องรอยการอยู่อาศัยของมนุษย์ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์”

อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท (Phu Phra Bat Historical Park) ครอบคลุมพื้นที่กว่า 5,000 ไร่ บนภูพระบาท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาภูพาน ลักษณะเด่นทางธรณีวิทยาคือ กลุ่มโขดหินทรายขนาดใหญ่และเพิงหินจำนวนมากที่ถูกกัดเซาะตามธรรมชาติจนเกิดเป็นรูปทรงแปลกตา เช่น หินเจดีย์, ถ้ำฤๅษี และหอนางอุสา โขดหินเหล่านี้เป็นหลักฐานของการเปลี่ยนแปลงเปลือกโลกและวัฏจักรของน้ำและลมที่กินเวลานับล้านปี ทำให้ภูมิทัศน์ของอุทยานฯ มีความโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

ความสำคัญทางโบราณคดีของภูพระบาทมีรากฐานมายาวนาน โดยพบหลักฐานการอยู่อาศัยของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ในยุคสำริด ซึ่งปรากฏผ่าน ภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ ที่พบในเพิงหินมากกว่า 50 แห่ง ภาพเขียนเหล่านี้มีอายุราว 2,500 – 3,000 ปี ส่วนใหญ่วาดด้วยสีแดง แสดงภาพคน สัตว์ มือ เครื่องมือ และสัญลักษณ์เรขาคณิต ซึ่งเชื่อว่าเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรม ความเชื่อ หรือการบอกเล่าเรื่องราวในชีวิตประจำวันของชุมชนโบราณที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ เช่น ที่ ถ้ำวัว-ถ้ำคน และ ถ้ำฤๅษี ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่นักโบราณคดีให้ความสนใจ

นอกจากนี้ ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 12-16 (สมัยทวารวดี) พื้นที่แห่งนี้ได้รับการดัดแปลงให้เป็นพุทธสถานสำคัญ โดยมีการใช้เพิงหินและโขดหินมาแกะสลักหรือสกัดให้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปหรือใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา สิ่งที่โดดเด่นคือ เสมาหินอีสาน หรือ ใบเสมาหินทราย ที่มีอายุในช่วงสมัยทวารวดีถึงสมัยล้านช้างตอนต้น ซึ่งแสดงถึงการรับอิทธิพลของพระพุทธศาสนาเข้าสู่ดินแดนอีสานอย่างชัดเจน เสมาหินบางชิ้นมีการแกะสลักลวดลายหรือเรื่องราวชาดกอย่างวิจิตรงดงาม บริเวณโบราณสถานหลัก เช่น วัดพ่อตา และ ถ้ำพระ แสดงถึงการต่อเนื่องทางศาสนาและความเชื่อของผู้คนจากยุคหนึ่งไปสู่อีกยุคหนึ่ง

ภูพระบาทยังผูกพันกับ ตำนานพื้นบ้าน ของภาคอีสาน โดยเฉพาะเรื่อง ตำนานนางอุสา-ท้าวบารส ซึ่งเป็นตำนานความรักและความพลัดพรากที่เกี่ยวข้องกับสถานที่สำคัญภายในอุทยานฯ เช่น หอนางอุสา (เพิงหินที่เชื่อว่าเป็นที่พักของนางอุสา) และ บ่อน้ำนางอุสา ตำนานเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าผู้คนในอดีตได้ใช้จินตนาการและเรื่องเล่ามาผูกโยงกับภูมิทัศน์อันแปลกตาของพื้นที่ ทำให้ภูพระบาทเป็นมากกว่าแหล่งโบราณคดี แต่ยังเป็นแหล่งมรดกทางวรรณกรรมและคติชนวิทยาที่สำคัญอีกด้วย การได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมจาก UNESCO ในปี 2567 ภายใต้ชื่อ "แหล่งโบราณคดีในภูพระบาท" ยิ่งตอกย้ำถึงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ โบราณคดี และธรณีวิทยาของสถานที่แห่งนี้ในระดับโลก


วิธีการเดินทาง
  • รถยนต์ส่วนตัว: เดินทางจากตัวเมืองอุดรธานีไปตามถนนมิตรภาพ (อุดรธานี–หนองคาย) ถึงหลักกิโลเมตรที่ 13 แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2021 (อุดรธานี-บ้านผือ) ไปจนถึงอำเภอบ้านผือ จากนั้นเลี้ยวตามป้ายบอกทางอีกประมาณ 12 กิโลเมตร

  • ขนส่งสาธารณะ: สามารถใช้บริการรถโดยสารประจำทางจากอุดรธานีไปยังอำเภอบ้านผือ และต่อรถรับจ้างไปยังอุทยานฯ


คำแนะนำ
  • การแต่งกาย: เนื่องจากเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และต้องเดินเท้าตามเส้นทางธรรมชาติ ควรแต่งกายสุภาพและสวมใส่รองเท้าที่เหมาะสมกับการเดินป่าหรือเดินในพื้นที่ขรุขระ

  • ช่วงเวลาที่เหมาะสม: ควรมาเที่ยวในช่วงเช้าหรือช่วงบ่ายๆ เพื่อหลีกเลี่ยงอากาศร้อนในช่วงกลางวัน

  • การเตรียมตัว: เตรียมน้ำดื่ม ผ้าเช็ดหน้า และหมวกให้พร้อม เนื่องจากเส้นทางเดินชมโบราณสถานเป็นทางเปิดโล่งและค่อนข้างยาว


ค่าเข้าชม:

  • ค่าเข้าชม (ชาวไทย) 20 บาท/คน

  • ค่าเข้าชม (ชาวต่างชาติ) 120 บาท/คน

  • ผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป), เด็ก (ต่ำกว่า 15 ปี), ผู้พิการ, พระภิกษุ-สามเณร และภิกษุณี เข้าชมฟรี

เวลาเปิดปิดทำการ:

  • เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08:00 - 16:30 น.

อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท

แชร์

ต.เมืองพาน อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี 41160 แผนที่

รีวิว 0 รายการ | ผจญภัย,ท่องเที่ยว,ศาสนสถาน,ภูเขา ป่า

ปิด

จ.8.00 - 16.30
อ.8.00 - 16.30
พ.8.00 - 16.30
พฤ.8.00 - 16.30
ศ.8.00 - 16.30
ส.8.00 - 16.30
อา.8.00 - 16.30

3

แนะนำทริป

ทริปของคุณ

ลบออก

รีวิวทั้งหมด

(รีวิว 0 รายการ)

สถานที่ใกล้เคียง

พระพุทธบาทบัวบก พระพุทธบาทบัวบก

(รีวิว 2 รายการ)

ห่าง 1.15

เข้าชมล่าสุด

สะพานญี่ปุ่นฮอยอัน สะพานญี่ปุ่นฮอยอัน (รีวิว 2 รายการ)
ซูชิโร่ ซูชิโร่ (รีวิว 0 รายการ)
ชนากานต์ แมนชั่น ชนากานต์ แมนชั่น (รีวิว 0 รายการ)
สวนโชฟุ สวนโชฟุ (รีวิว 0 รายการ)