“ชมความงามของสะพานไม้ไผ่ที่พาดผ่านทุ่งนาอันกว้างใหญ่ ถ่ายภาพกับวิวทิวทัศน์ธรรมชาติอันงดงาม และสัมผัสวิถีชีวิตยามเช้ากับการตักบาตรพระสงฆ์ที่เดินบิณฑบาตผ่านสะพาน.”
สะพานซูตองเป้ (Su Tong Pae Bridge) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสำคัญและมีชื่อเสียงในด้านความงดงามทางธรรมชาติและความศรัทธาของชุมชน ชื่อ "ซูตองเป้" เป็นภาษาไทใหญ่ ซึ่งแปลว่า "อธิษฐานสำเร็จ" หรือ "ความสำเร็จดังใจหวัง" สะพานแห่งนี้เป็นเสมือนสัญลักษณ์ของความร่วมมือร่วมใจ.
สถานที่นี้มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน โดยถูกสร้างขึ้นจากแรงศรัทธาของพระภิกษุ สามเณร และชาวบ้านกุงไม้สักและคณะศรัทธาต่างๆ ที่ร่วมกันสานไม้ไผ่เป็นแผ่นทอดยาวประมาณ 500-600 เมตร ข้ามทุ่งนาที่เจ้าของที่ได้อุทิศผืนนาถวายให้แก่วัด เพื่อให้พระภิกษุสามเณรจากสวนธรรมภูสมะได้ใช้เป็นเส้นทางเดินบิณฑบาต และชาวบ้านในบริเวณนั้นได้ใช้สัญจรไปมา ทำให้สะพานแห่งนี้เป็นเหมือนคำอธิษฐานที่สำเร็จของทุกคนที่มาลงแรงช่วยกันสร้างขึ้นมา.
สะพานแห่งนี้มีความสวยงามที่เปลี่ยนแปลงไปในทุกฤดู หากมาในช่วงกลาง-ปลายฤดูฝน (ประมาณเดือนกรกฎาคม-กันยายน) ทุ่งนาจะเต็มไปด้วยสีเขียวขจีสดใส ส่วนช่วงปลายฝน-ต้นหนาว (ประมาณตุลาคม-พฤศจิกายน) จะได้เห็นทุ่งนาสีทองอร่ามรอการเก็บเกี่ยว เป็นภาพที่สวยงามและน่าประทับใจแตกต่างกันไป.
ในช่วงเช้าตรู่ของทุกวัน (ประมาณ 06.00 น.) จะมีภาพอันงดงามและเปี่ยมด้วยศรัทธาของการเดินบิณฑบาตของพระสงฆ์และสามเณรจากสวนธรรมภูสมะผ่านสะพานแห่งนี้ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถร่วมทำบุญตักบาตรได้ เป็นกิจกรรมที่สร้างความประทับใจและได้สัมผัสวิถีชีวิตอันเรียบง่ายของคนท้องถิ่น.
สถานที่นี้ยังเหมาะสำหรับช่างภาพที่ต้องการเก็บภาพทิวทัศน์ที่สวยงามและเปี่ยมด้วยเรื่องราว นักท่องเที่ยวทั่วไปที่ต้องการสัมผัสบรรยากาศธรรมชาติที่สงบเงียบ และผู้ที่สนใจวิถีชีวิตและวัฒนธรรมท้องถิ่น หากคุณต้องการสัมผัสประสบการณ์แห่งศรัทธาและธรรมชาติที่งดงาม สะพานซูตองเป้คือจุดหมายที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนแม่ฮ่องสอน
วิธีการเดินทาง
-
รถยนต์ส่วนตัว: จากตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1095 (สายแม่ฮ่องสอน-ปาย) มุ่งหน้าไปทางอำเภอปาย ประมาณ 8-12 กิโลเมตร จะมีป้ายบอกทางเข้าสู่สะพานซูตองเป้และสวนธรรมภูสมะอยู่ทางซ้ายมือ.
-
รถสองแถว/รถเช่า: สามารถเหมารถสองแถวหรือรถยนต์เช่าจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอนได้ เพื่อความสะดวกในการเดินทาง
คำแนะนำ
-
ช่วงเวลาที่ดีที่สุด: แนะนำให้มาช่วงเช้าตรู่ (ประมาณ 06.00-07.00 น.) เพื่อชมบรรยากาศหมอกยามเช้าและร่วมตักบาตรพระสงฆ์บนสะพาน ซึ่งเป็นภาพที่สวยงามและประทับใจที่สุด
-
ฤดูกาล: หากต้องการเห็นทุ่งนาเขียวขจี ควรมาช่วงฤดูฝน (กรกฎาคม-กันยายน) และหากต้องการเห็นทุ่งนาสีทองอร่าม ควรมาช่วงปลายฝนต้นหนาว (ตุลาคม-พฤศจิกายน)
-
การแต่งกาย: แต่งกายสุภาพเหมาะสมกับการเข้าชมสถานที่ทางศาสนา และควรสวมรองเท้าที่เดินสบาย เนื่องจากต้องเดินบนสะพานไม้ไผ่
-
การถ่ายภาพ: เป็นจุดที่เหมาะกับการถ่ายภาพเป็นอย่างยิ่ง เตรียมกล้องให้พร้อมเพื่อเก็บภาพความประทับใจ
ค่าธรรมเนียมเข้าชม:
-
ไม่มีค่าเข้าชม (ฟรี)
เวลาเปิดทำการ:
-
เปิดตลอด 24 ชั่วโมง (แต่ควรมาในช่วงเช้าตรู่เพื่อสัมผัสบรรยากาศที่ดีที่สุด)