“ป่าศักดิ์สิทธิ์กว่า 70 เฮกตาร์ที่ปลูกด้วยต้นไม้กว่า 120,000 ต้นจากทั่วประเทศ เป็นโอเอซิสแห่งความสงบใจกลางมหานครโตเกียว”
ศาลเจ้าเมจิ (Meiji Jingu) เป็นหนึ่งในศาลเจ้าชินโตที่ยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ถูกสร้างขึ้นเพื่อถวายแด่สมเด็จพระจักรพรรดิเมจิ (ครองราชย์ ค.ศ. 1867–1912) และสมเด็จพระจักรพรรดินีโชเก็ง ซึ่งทั้งสองพระองค์เป็นผู้นำที่มีบทบาทสำคัญในการปฏิรูปเมจิ (Meiji Restoration) ที่เปิดประตูให้ญี่ปุ่นเข้าสู่ความทันสมัยและเชื่อมต่อกับโลกภายนอก
เริ่มก่อสร้างในปี ค.ศ. 1915 และอุทิศอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน ค.ศ. 1920 ตัวอาคารเดิมถูกทำลายระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง แต่ได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 1958 จากเงินบริจาคของประชาชนทั่วประเทศ
พื้นที่รอบศาลเจ้าถูกโอบล้อมด้วยป่าศักดิ์สิทธิ์ขนาด 70 เฮกตาร์ ประกอบด้วยต้นไม้กว่า 120,000 ต้นจากกว่า 365 สายพันธุ์ ซึ่งได้รับบริจาคมาจากทั่วประเทศและต่างประเทศ ทำให้ที่นี่เป็น “ป่าที่มนุษย์ปลูกขึ้นเอง” แต่มีสภาพร่มรื่นและสงบเหมือนธรรมชาติแท้จริง
สิ่งที่ไม่ควรพลาดภายในศาลเจ้าเมจิ
-
ประตูโทริอิขนาดใหญ่: จุดถ่ายภาพยอดนิยมตั้งแต่ทางเข้า เดินผ่านแล้วเข้าสู่เส้นทางกรวดที่โอบล้อมด้วยต้นไม้ใหญ่ บรรยากาศเงียบสงบ
-
ศาลาหลัก (Honden): พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับสักการะ ทำพิธีชินโต เขียนคำอธิษฐานลงบนแผ่นไม้เอมะ และซื้อเครื่องรางโอมาโมริเพื่อความเป็นสิริมงคล
-
ถังสาเกและไวน์: บริเวณทางเดินมีการจัดแสดงถังสาเกจากโรงกลั่นทั่วญี่ปุ่น และถังไวน์จากแคว้นเบอร์กันดี สื่อถึงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างตะวันออกและตะวันตก
-
สวนชั้นใน (Gyoen): มีค่าเข้าชมแยกต่างหาก เป็นสวนส่วนพระองค์ของพระจักรพรรดินี มีบ่อไอริสที่งดงาม โดยเฉพาะช่วงเดือนมิถุนายน และ “บ่อคิโยมาสะ” (Kiyomasa’s Well) จุดพลังศักดิ์สิทธิ์ที่เชื่อว่าให้พลังบวกแก่ผู้มาเยือน
-
พิพิธภัณฑ์เมจิจิงงู (Meiji Jingu Museum): ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดัง เคงโกะ คุมะ (Kengo Kuma) ภายในจัดแสดงของใช้ส่วนพระองค์และราชรถของจักรพรรดิเมจิ
ศาลเจ้าเมจิยังเป็นสถานที่สำคัญสำหรับการเฉลิมฉลอง "ฮัตสึโมเดะ" (Hatsumode) หรือการไปศาลเจ้าครั้งแรกในวันปีใหม่ ซึ่งมีผู้คนมากกว่า 3 ล้านคนมาเยือนในแต่ละปี นับเป็นศาลเจ้าที่มีผู้มาเยือนมากที่สุดในญี่ปุ่น และหากโชคดีอาจได้เห็นพิธีแต่งงานแบบชินโตในระหว่างการเยี่ยมชมด้วย
วิธีการเดินทาง
โดยรถไฟ:
-
JR Yamanote Line: สถานี Harajuku เดินเพียง 1 นาทีถึงทางเข้าใต้
-
Tokyo Metro Chiyoda Line หรือ Fukutoshin Line: สถานี Meiji-jingumae เดินประมาณ 1 นาที
-
Odakyu Line: สถานี Sangubashi เดินประมาณ 5–10 นาทีถึงทางเข้าด้านเหนือ
โดยรถบัส:
- มีรถบัส Toei และ Keio หลายสายผ่านย่าน Harajuku และ Shibuya
โดยแท็กซี่:
- ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีจากสถานีชิบูยะ หรือราว 20 นาทีจากสถานีชินจูกุ
คำแนะนำ
-
มาในตอนเช้าเพื่อสัมผัสบรรยากาศป่าอันเงียบสงบ
-
ห้ามถ่ายภาพบริเวณใกล้แท่นบูชา
-
อย่าลืมเขียนคำอธิษฐานบนแผ่นไม้เอมะและซื้อเครื่องรางเพื่อความเป็นสิริมงคล
-
ช่วงฤดูใบไม้ผลิและต้นฤดูร้อนจะเหมาะที่สุดสำหรับชมสวนดอกไอริส
-
ใกล้ศาลเจ้ามีสวนโยโยงิและย่านช้อปปิ้งฮาราจูกุ สามารถเดินเที่ยวต่อได้
ค่าเข้าชม:
- เข้าชมฟรี (สวนชั้นใน Gyoen มีค่าเข้าชมประมาณ 500 เยน)
เวลาเปิดทำการ:
- เปิดทุกวัน ตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก (เวลาปิดเปลี่ยนตามฤดูกาล โดยประมาณ 5:00–17:00 น.)
| Month | Opening at: | Closing at: |
| January | 6:40 am | 4:20 pm |
| February | 6:20 am | 4:50 pm |
| March | 5:40 am | 5:20 pm |
| April | 5:10 am | 5:50 pm |
| May | 5:00 am | 6:10 pm |
| June | 5:00 am | 6:30 pm |
| July | 5:00 am | 6:20 pm |
| August | 5:00 am | 6:00 pm |
| September | 5:20 am | 5:20 pm |
| October | 5:40 am | 4:40 pm |
| November | 6:10 am | 4:10 pm |
| December | 6:40 am | 4:00 pm |