“ศูนย์ช่วยชีวิตลิงและสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ (Endangered Primate Rescue Center) ถ้ำมนุษย์โบราณ Hang Nguoi Xua และต้นไม้พันปี เส้นทางเดินป่าผ่านป่าดิบชื้นและยอดเขา May Bac ฤดูผีเสื้อ (เดือน เมษายน – พฤษภาคม) การปั่นจักรยานและดูนก”
อุทยานแห่งชาติกุกเฟือง (Cuc Phuong National Park) ถือเป็นพื้นที่อนุรักษ์ธรรมชาติแห่งแรกของประเทศเวียดนาม ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1962 เพื่อปกป้องผืนป่าฝนเขตร้อนที่มีอายุกว่า 200 ล้านปี ซึ่งถือเป็นหนึ่งในผืนป่าดึกดำบรรพ์ที่เก่าแก่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภูมิประเทศของที่นี่เป็นภูเขาหินปูนสลับซับซ้อน มีถ้ำ น้ำตก และลำธารธรรมชาติจำนวนมากที่หล่อเลี้ยงระบบนิเวศอันอุดมสมบูรณ์
หลักฐานทางโบราณคดีบ่งชี้ว่ามนุษย์ได้อาศัยอยู่ในพื้นที่นี้มานานกว่า 7,000 ปี โดยมีการค้นพบเครื่องมือหิน กระดูก และถ้ำโบราณที่เคยเป็นที่พักอาศัย เช่น ถ้ำมนุษย์โบราณ (Cave of Prehistoric Man) ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญของอารยธรรมยุคก่อนประวัติศาสตร์ในภูมิภาคอินโดจีน
อุทยานมีความหลากหลายทางชีวภาพสูงมาก มีพืชพรรณกว่า 2,000 ชนิด และสัตว์กว่า 260 ชนิด รวมถึงสัตว์หายาก เช่น ลิงเดอลาคัวร์ (Delacour’s Langur) ซึ่งเป็นสัตว์เฉพาะถิ่นของเวียดนามและใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง, เลียงผา, ชะมดอาวสตัน, และนกป่าหลากหลายสายพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในป่าทึบ นอกจากนี้ ภายในอุทยานยังมี ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ (Endangered Primate Rescue Center) ที่ทำหน้าที่ดูแล อนุรักษ์ และเพาะพันธุ์สัตว์หายาก ซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมเพื่อเรียนรู้ด้านการอนุรักษ์และการวิจัยทางชีววิทยา
กิจกรรมยอดนิยมในอุทยานได้แก่ การเดินป่าศึกษาธรรมชาติ ไปยังต้นไม้พันปีอายุกว่า 1,000 ปี, การปั่นจักรยานชมป่า ท่ามกลางบรรยากาศเขียวขจี, การชมผีเสื้อหลายหมื่นตัวในฤดูใบไม้ผลิ (เดือนเมษายน–มิถุนายน) ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดของปี รวมถึงการเข้าพักใน โฮมสเตย์ของชนเผ่าเมือง (Muong Ethnic Village Homestay) เพื่อสัมผัสวัฒนธรรมพื้นถิ่นและวิถีชีวิตเรียบง่ายท่ามกลางธรรมชาติ นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมดูนก ชมพระอาทิตย์ตกจากยอดเขา และเยี่ยมชมถ้ำหินงอกหินย้อยที่งดงาม เช่น ถ้ำซอนเหี่ยน (Son Nha Cave) และ ถ้ำมังกร (Dragon Cave)
อุทยานแห่งชาติกุกเฟืองจึงเป็นทั้งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ แหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ และศูนย์กลางการอนุรักษ์ที่สำคัญของเวียดนาม เหมาะสำหรับผู้ที่รักธรรมชาติ ผจญภัย และต้องการสัมผัสบรรยากาศป่าดึกดำบรรพ์ที่ยังคงความสมบูรณ์อย่างแท้จริง
วิธีการเดินทาง
- จากกรุงฮานอยสามารถเดินทางโดยรถยนต์หรือรถบัสมายังจังหวัดนิงห์บิ่นห์ ใช้เวลาประมาณ 2.5–3 ชั่วโมง จากนั้นต่อรถอีกประมาณ 30 กิโลเมตร เข้าสู่อุทยานแห่งชาติ
คำแนะนำ
-
เหมาะแก่การท่องเที่ยวในช่วงฤดูแล้ง เดือนกันยายนถึงธันวาคม หรือช่วงฤดูผีเสื้อ เดือนเมษายนถึงพฤษภาคม
-
ควรสวมรองเท้าสำหรับเดินป่า เตรียมหมวก น้ำ และยากันแมลง
-
หากต้องการสัมผัสธรรมชาติอย่างเต็มที่ ควรพักค้างคืนภายในอุทยานหรือโฮมสเตย์ของชุมชนเมือง
ค่าเข้าชม
-
ชาวเวียดนาม: ประมาณ 40,000 ด่อง
-
ชาวต่างชาติ: ประมาณ 60,000 ด่อง
(ราคาอาจเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาลและกิจกรรมเพิ่มเติม)
เวลาเปิด–ปิด
- เปิดทุกวัน: เวลา 06:00 – 19:00 น.