“หาดหัวหินคือชายหาดแห่งประวัติศาสตร์ที่ยังคงกลิ่นอายของความสงบ เรียบง่าย และสง่างามจากอดีตถึงปัจจุบัน”
หาดหัวหิน เป็นชายหาดชื่อดังของประเทศไทยที่มีทั้งความงดงามทางธรรมชาติ และความสำคัญทางประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งทรงโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศวรฤทธิ์ (พระองค์เจ้าชายกฤษดาภินิหาร) เป็นผู้นำในการสร้างตำหนักตากอากาศหลังใหญ่ริมทะเล พร้อมพระราชทานนามว่า “แสนสำราญสุขเวศน์” อันเป็นต้นแบบของเมืองตากอากาศหัวหินในเวลาต่อมา ปัจจุบันคือบ้านลักษสุภา
ชายหาดหัวหินมีความยาวกว่า 5 กิโลเมตร โดดเด่นด้วยทรายขาวสะอาด เนื้อละเอียด น้ำทะเลใส เงียบสงบอย่างมีระดับ นักท่องเที่ยวสามารถเดินเล่นเลียบชายหาด ท่ามกลางสายลมทะเลอ่อนๆ และแสงแดดอบอุ่น หรือจะนั่งพักผ่อนใต้ร่มไม้ริมหาดอย่างสงบ ไม่วุ่นวายเหมือนชายหาดยอดนิยมอื่นๆ ในประเทศไทย
สิ่งที่ทำให้หาดหัวหินต่างจากที่อื่นคือการไม่มีเครื่องเล่นน้ำที่มีความเร็ว เช่น เจ็ทสกีหรือเรือกล้วย เพื่อความปลอดภัย เพราะมีโขดหินจำนวนมากใต้น้ำ เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้บรรยากาศยังคงเงียบสงบ เหมาะสำหรับการพักผ่อนทั้งกายและใจอย่างแท้จริง นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสความรื่นรมย์ของการขี่ม้า หรือปั่นจักรยานเลียบชายหาด รวมถึงสามารถเล่นน้ำทะเลได้อย่างปลอดภัย
ในยามเย็น หาดหัวหินยังคงมีชีวิตชีวาด้วยแสงไฟจากร้านอาหารทะเล ร้านกาแฟบรรยากาศดี โรงแรมริมทะเล และตลาดนัดยามค่ำคืนที่มีเสน่ห์ นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาตินิยมมาเดินเล่น รับประทานอาหารทะเลสด หรือถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม
หาดหัวหินไม่เพียงเป็นที่พักผ่อนสำหรับผู้มีระดับในอดีต แต่ในวันนี้ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่พร้อมต้อนรับทุกคนที่ต้องการสัมผัสความสุข เรียบง่าย คลาสสิก และไม่วุ่นวาย
วิธีการเดินทาง
-
รถยนต์ส่วนตัว: จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 35 และ 4 ใช้เวลาประมาณ 2.5–3 ชั่วโมง
-
รถไฟ: มีบริการจากสถานีหัวลำโพงและบางซื่อ มาลงที่สถานีรถไฟหัวหิน
-
รถตู้หรือรถโดยสาร: ออกจากสถานีขนส่งสายใต้ใหม่ หรือเอกมัย
-
เครื่องบิน: สนามบินหัวหินมีเที่ยวบินบางเส้นทางในประเทศ
คำแนะนำ
-
มาเยือนช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์ อากาศดี เหมาะกับการเดินชายหาด
-
เลือกวันธรรมดาหากต้องการความสงบ
-
ควรจองที่พักล่วงหน้าหากมาในช่วงสุดสัปดาห์หรือวันหยุด
-
แนะนำให้เดินเล่นในช่วงเช้าหรือเย็น เพื่อหลีกเลี่ยงแดดจัด
เที่ยวได้ทุกฤดู
รีวิวทั้งหมด
(รีวิว 33 รายการ)รีวิวเมื่อ 20 พ.ค. 55
http://xn--72c0bxagbz1ab6c6a0kj.com/
รีวิวเมื่อ 20 พ.ค. 55
สิ่งเล็กๆ เหล่านี้คงไม่มีให้คนรุ่นหลังได้พบเห็นอีกเลย ทำให้วงจรในระบบนิเวศน์ถูกตัดตอนลง...
รีวิวเมื่อ 20 พ.ค. 55
โดยมีทั้งเพศผู้และเพศเมีย การปฏิสนธิเกิดภายนอกตัว ระยะแรกตัวอ่อนจะดำรงชีวิตแบบแพลงก์ตอนสัตว์ จากนั้นจะเริ่มพัฒนาตัวแล้วจมตัวลงเพื่อหาที่ยึดเกาะแล้วเจริญเป็นตัวเต็มวัย ส่วนการ สืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ ในบางชนิดเมื่อแขนถูกตัดขาดลง จะพัฒนาตรงส่วนนั้นกลายเป็นดาวทะเลตัวใหม่เกิดขึ้น และตัวที่ขาดก็จะงอกชิ้นใหม่ขึ้นมาได้จนสมบูรณ์ แต่กระบวนการเหล่านี้ต้องใช้เวลาเป็นปี
รีวิวเมื่อ 20 พ.ค. 55
รีวิวเมื่อ 20 พ.ค. 55
อยุ่ในเปลือกหอยทับทิม
หากเราเข้าไปใกล้ๆ มันจะมุดทรายลงไป(อยู่ในบริเวณที่กึ่งมีน้ำพอปริ่มๆ) ให้สังเกตุดูฟองทรายที่พองลม(ขุ่น)
รีวิวเมื่อ 20 พ.ค. 55
รีวิวเมื่อ 20 พ.ค. 55
อยู่แถวหน้าหาดใกล้ โรงแรม คาซ่าเดอมาเร่
http://www.choowap.com/hotel/casa-del-mare
รีวิวเมื่อ 20 พ.ค. 55
ลักษณะทั่วไป มีลำตัวแยกเป็นห้าแฉกคล้ายรูปดาวเรียกว่า แขน ส่วนกลาง มีลักษณะเป็นจานกลม ด้านหลังมีตุ่มหินปูน ขนาดเล็กกระจายอยู่ทั่วไป มีปากอยู่ด้านล่างบริเวณ จุดกึ่งกลางของ ลำตัว ใต้แขนแต่ละข้างมีหนวดสั้น ๆ เรียงตามส่วนยาว ของแขนเป็นคู่ ๆ มีลักษณะเป็นกล้ามเนื้อที่เหนียวและแข็งแรงเรียกว่า โปเดีย ใช้สำหรับยึดเกาะกับเคลื่อนที่ มีสีต่าง ๆ ออกไป ทั้ง ขาว, ชมพู, แดง, ดำ, ม่วง หรือน้ำเงิน เป็นต้น
พบได้ตามชายฝั่งทะเล โขดหิน และบางส่วนอาจพบได้ถึงพื้นทะเลลึก กินหอยสองฝา โดยเฉพาะ หอยนางรม, กุ้ง, ปู หนอน และ สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังอื่น ๆ เช่น ฟองน้ำหรือปะการัง เป็นอาหาร
รีวิวเมื่อ 20 พ.ค. 55
รีวิวเมื่อ 20 พ.ค. 55
รีวิวเมื่อ 20 พ.ค. 55
ซึ่งเป็นผู้ค้นพบทิศเหนือด้วยการใช้เข็มทิศเป็นบุคคลแรก เป็นผู้ที่มีถิ่นฐานที่มณฑลเจ้อเจียง อันเป็นมณฑลที่ติดทะเล ในช่วงบั้นปลายของชีวิตของบิดา ท่านได้ออกจากชีวิตในราชสำนักไปพำนักปรนนิบัติบิดา ระหว่างนั้นเองเป็นช่วงที่ท่านมีโอกาสได้พิสูจน์หลักในการใช้เข็มทิศโดยทำ การทดสอบกับเรือของชาวประมงในถิ่นนั้น และได้พบกับสัตว์จำพวกหนึ่งที่รูปร่างคล้ายปูแต่อาศัยในเปลือกหอย ซึ่งก็คือ ปูเสฉวน
เมื่อค้นคว้าในเรื่องเข็มทิศเสร็จสิ้นแล้ว เสิ่นกั้ว ได้ทำการค้นคว้าเรื่องปูเสฉวนต่อ หลังจากค้นคว้าได้ระยะหนึ่ง ก็ได้พบว่าสัตว์เหล่านี้ไม่มีเปลือกเป็นของตนเอง และเมื่อตัวโตขึ้นก็จะออกจากเปลือกไปหาที่อยู่ใหม่ ดังนั้นเสิ่นกั้วจึงได้ตั้งชื่อของสัตว์จำพวกนี้ว่า "จี้ จู เซี่ย" แปลว่า "ปูซึ่งอาศัยเพียงชั่วคราว" ต่อมา เมื่อชาวจีนเข้ามายังประเทศไทย ก็ได้เรียกนี้ว่าจี้จูเซี่ยบ้าง แต่มักจะเรียกกันในอีกชื่อว่าซื่อฉวน เนื่องจากมีรูปร่างเหมือนสัตว์ในนิทานที่เด็ก ๆ ชาวจีนทั้งหลายรู้จักกันดี ชาวไทยจึงเรียกตามว่า"ปูเสฉวน
รีวิวเมื่อ 20 พ.ค. 55
รีวิวเมื่อ 19 พ.ค. 55
รีวิวเมื่อ 19 พ.ค. 55
รีวิวเมื่อ 19 พ.ค. 55
รีวิวเมื่อ 19 พ.ค. 55
รีวิวเมื่อ 19 พ.ค. 55
รีวิวเมื่อ 19 พ.ค. 55
รีวิวเมื่อ 19 พ.ค. 55
รีวิวเมื่อ 19 พ.ค. 55
รีวิวเมื่อ 19 พ.ค. 55
รีวิวเมื่อ 19 พ.ค. 55
รีวิวเมื่อ 19 พ.ค. 55
รีวิวเมื่อ 5 ก.ค. 53
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก
http://www.thai-tour.com/thai-tour/central/prachuab/data/place/huahin/

รีวิวเมื่อ 5 ก.ค. 53
รีวิวเมื่อ 5 ก.ค. 53
ทำให้เสียบรรยากาศหมด ยิ่งเป็นรถของทางเทศบาลด้วยแล้ว
รีวิวเมื่อ 5 ก.ค. 53
สงสัย แฮ๊ะ...
รีวิวเมื่อ 5 ก.ค. 53
รีวิวเมื่อ 5 ก.ค. 53
รีวิวเมื่อ 5 ก.ค. 53
รีวิวเมื่อ 5 ก.ค. 53
รีวิวเมื่อ 5 ก.ค. 53
รีวิวเมื่อ 5 ก.ค. 53