ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองอุบลราชธานีตั้งอยู่ทางทิศใต้ของทุ่งศรีเมือง และเหนืออาคารพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอุบลราชธานี ในอดีตไม่มีการสร้างหลักเมืองจนกระทั่งปี พ.ศ. 2515 เมื่อ พล.ต.ตรี วิเชียร ศรีมันตร ผู้ว่าราชการจังหวัดขณะนั้น ได้ปรึกษากับ พระมหาวีรวงศ์ เพื่อสร้างศาลหลักเมืองให้เป็นศูนย์รวมใจและมิ่งขวัญแก่ประชาชน มีกำหนดวางศิลาฤกษ์ในวันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2515 โดยสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ได้ทรงให้ฤกษ์และเป็นประธานพิธี บริเวณที่ตั้งอยู่ถือเป็นชัยภูมิที่เหมาะสมกลางเมืองอุบล

เสาหลักเมืองออกแบบโดยกรมศิลปากร วัสดุทำจากไม้ราชพฤกษ์ ทรงยอดคล้ายดอกบัวตูม และนำมาปิดทองพร้อมผ้าสามสี เมื่อก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ นายเดชชาติ วงศ์โกมลเชษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดในเวลานั้น ได้กราบบังคมทูลเชิญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 สมเด็จพระนางเจ้าฯ และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเสด็จมาทรงประกอบพิธีเปิดศาลหลักเมืองอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2519

ศาลหลักเมืองได้รับการปรับปรุงให้เป็นสถาปัตยกรรมแบบจตุรมุขคล้ายกับศาลหลักเมืองจังหวัดอื่นๆ และมีรูปปั้นบุคคลสำคัญ ได้แก่ พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (สิริจันทร์) และสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ให้ประชาชนได้สักการะเพิ่มเติม

ทุกปีในวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 7 ซึ่งถือเป็นเดือนทำบุญซำฮะตามประเพณีฮีตสิบเอ็ด ชาวอุบลร่วมกับเทศบาลจะจัดพิธีบวงสรวงเสาหลักเมือง โดยมีการถวายเครื่องบูชาแบบดั้งเดิม เช่น ดอกดาวเรือง ธูปเทียน พวงมาลัย ผ้าสามสีหรือห้าสี และแผ่นทอง ความเชื่อว่าพิธีช่วยเสริมสิริมงคลและความมั่นคงแก่เมืองดำรงอยู่ต่อเนื่อง

บริเวณโดยรอบศาลหลักเมืองมีสวนหย่อมและพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจของคนเมือง รวมถึงใช้เป็นสถานที่จัดกิจกรรมชุมชน นักท่องเที่ยวมักแวะมาไหว้ขอพรเพื่อความมั่นคงปลอดภัย โดยศาลเปิดให้เข้าชมได้ตลอดเวลาและไม่มีค่าใช้จ่าย

• เดินจากทุ่งศรีเมืองประมาณ 200–300 เมตร ใช้เวลาประมาณ 2 นาที

• ใช้รถสองแถวหรือแท็กซี่จากใจกลางเมืองประมาณ 5–10 นาที

• เดินทางโดยจักรยานหรือนั่งรถตุ๊กตุ๊กในเขตเทศบาลสะดวกมาก

• แต่งตัวสุภาพ เพราะศาลเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์

• เหมาะมากกับการมาไหว้ช่วงเวลาเช้าเพื่อหลีกเลี่ยงแดดแรง

• หากต้องการเข้าร่วมพิธีขึ้น 1 ค่ำ เดือน 7 ควรมาถึงก่อนเวลา

• ถ่ายรูปด้านนอกได้ แต่ควรเคารพขณะพิธี เช่นไม่ยืนบังเสา

ค่าธรรมเนียมเข้าชม: ฟรี

เวลาเปิดทำการ: เปิดตลอดเวลา ไม่มีเวลาเฉพาะ