“ วัดประวัติศาสตร์สำคัญของสายวิปัสสนากรรมฐาน มีพระเกจิอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงหลายรูปเคยมาปฏิบัติธรรม”
วัดบูรพาราม เป็นวัดเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองอุบลราชธานี สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2397 โดยพระอริยสงฆ์รูปสำคัญคือ พระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต วัดแห่งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของสายวิปัสสนากรรมฐานในภาคอีสานและประเทศไทย มีบทบาทสำคัญในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างมั่นคง
ในช่วงแรก วัดแห่งนี้เป็นเพียงสำนักสงฆ์ ตั้งอยู่ในบริเวณที่เคยเป็นป่าไม้โปร่ง (ภาษาอีสานเรียกว่า “โสงเสง”) มีสัตว์นานาชนิดอาศัยอยู่และผู้คนไม่ค่อยเข้าไป ทำให้เหมาะสมสำหรับการปฏิบัติธรรม หลวงปู่เสาร์และหลวงปู่สีทาจึงได้ใช้สถานที่แห่งนี้ในการฝึกสมาธิวิปัสสนา
ต่อมาในปี พ.ศ. 2458 พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ซึ่งขณะนั้นจำพรรษาอยู่ที่วัดบรมนิวาส กรุงเทพฯ ทราบข่าวจึงได้เดินทางมาฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่เสาร์ และได้ปฏิบัติธรรมอยู่ ณ วัดบูรพาแห่งนี้ โดยมีเจ้ากรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์บริจาคทรัพย์และที่ดินให้สร้างวัดขึ้นอย่างเป็นทางการ กลายเป็นต้นกำเนิดของสายวิปัสสนากรรมฐานที่สำคัญของประเทศ
วัดบูรพารามมีสถาปัตยกรรมที่เรียบง่ายและสงบงาม อาคารต่างๆ ในวัดมีทั้งพระอุโบสถ ศาลาการเปรียญ กุฏิสงฆ์ และเจดีย์ที่เก็บอัฐิของพระอาจารย์เสาร์ โดยเฉพาะพระอุโบสถนั้นตกแต่งด้วยลวดลายที่เรียบแต่ทรงคุณค่า
ศาลาการเปรียญหลังเดิมของวัดสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2458 โดยบริเวณนั้นเคยเป็นสถานที่สร้างเมรุเผาศพของหลวงปู่เสาร์ เมื่อเสร็จสิ้นพิธีจึงได้มีการสร้างศาลาการเปรียญขึ้นทดแทน แต่ต่อมาเกิดเพลิงไหม้ หลวงพ่อพระครูอมรสิทธิ์จึงดำริให้สร้างวิหารหลังใหญ่ขึ้นใหม่ เพื่อเป็นสถานที่ประดิษฐานรูปเหมือนของพระอริยสงฆ์สำคัญทั้ง 5 รูป ได้แก่ พระอาจารย์สีทา ชัยเสโน, พระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล, พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต, พระญาณวิศิษย์สิงห์ ขันตยาคโม และ พระสิทธิธรรมรังษีคัมภีร์เมธาจารย์ (สี ธัมมธโร)
วัดยังมีหอไตรไม้ซึ่งเก็บรักษาคัมภีร์ใบลานและเอกสารสำคัญทางพระพุทธศาสนา เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่า
ในปี พ.ศ. 2525 เทศบาลเมืองอุบลราชธานีได้ขยายเขต ทำให้วัดบูรพารามอยู่ภายในเขตเทศบาลอย่างเป็นทางการ โดยข้อมูลเกี่ยวกับวัดนี้ส่วนใหญ่ได้มาจากคำบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่ เนื่องจากไม่มีเอกสารประวัติชัดเจน
วัดบูรพารามจึงถือเป็นสถานที่สำคัญทั้งในเชิงพุทธศาสนา ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมของภาคอีสานและประเทศไทย
วิธีการเดินทาง
-
โดยรถยนต์ส่วนตัวสามารถขับมาตามถนนแจ้งสนิทเข้าตัวเมืองอุบลฯ แล้วมุ่งหน้าสู่ถนนพโลชัย
-
ใช้บริการรถสองแถวหรือมอเตอร์ไซค์รับจ้างจากใจกลางเมือง
-
รถโดยสารประจำทางจากสถานีขนส่งสามารถต่อรถในเมืองมายังวัดได้สะดวก
คำแนะนำ
-
แต่งกายสุภาพเพื่อความเคารพสถานที่
-
ควรเยี่ยมชมพร้อมไกด์หรือศึกษาข้อมูลเบื้องต้นจะช่วยให้เข้าใจประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมมากขึ้น
-
ห้ามส่งเสียงดังหรือกระทำการรบกวนผู้ที่มาปฏิบัติธรรม
ค่าธรรมเนียมเข้าชม: เข้าชมฟรี
เวลาเปิดทำการ: เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00 - 17.00 น.