“ลำคลองน้ำใสเล็กๆ ยาว 5 กม. ในป่าพรุ ป่าชายเลน ที่มีลำน้ำใส เหมาะเดินเที่ยว ถ่ายรูปยามเย็น”
ท่าปอมคลองสองน้ำ เป็นลำคลองน้ำใส ต้นน้ำจากเขาคราม ไหลผ่านป่าดิบชื้น ป่าพรุ ป่าชายเลน และทะเลอันดามัน
บริเวรท่าปอม มีน้ำเค็มท่วมถึงยามน้ำขึ้น สายน้ำจืดซึ่งเป็นธารน้ำพุใสสะอาดจากใต้ดิน ไหลรินผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันตามช่วงเวลาน้ำขึ้นน้ำลง คลองท่าปอมจึงกลายเป็นคลองสองน้ำ (น้ำจืด+น้ำเค็ม) มีผืนป่ารอบข้างที่มีทั้งป่าชายเลนซึ่งเป็นป่าที่เติบโตอยู่ ในน้ำกร่อยและน้ำเค็มผสมผสานกับป่าพรุน้ำจืด ปัจจุบันสำนักงานการท่องเที่ยวจัดทำเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติระยะทาง 700 เมตร ลักษณะเป็นสะพานไม้ที่กลมกลืนกับสภาพแวดล้อม ทอดยาวเป็นวงรอบเหนือผืนป่าพรุและป่าชายเลน
การเดินทาง จากกระบี่ใช้เส้นทางถนนป่าพรุ-ท่าปอม สู่บ้านหนองจิก ระยะทางประมาณ 28 กม.
เปิด 07.00-17.00 น
ค่าเข้าชม
ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท (คนไทย)
ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 30 บาท (ชาวต่างชาติ)
และมีเรือแคนูให้เช่า สอบถามเพื่มเติม
อบต.เขาคราม โทร. 075-694198, 075-694165 หรือ ศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยว จังหวัดกระบี่ โทร. 075-62 2163
รีวิวทั้งหมด
(รีวิว 24 รายการ)![](https://www.gplace.com/include/v2/img/cs-icon.png)
รีวิวเมื่อ 18 ก.ค. 55
ทำให้ดินและน้ำบริเวณป่าพรุและใกล้เคียงกลายเป็นกรดอย่างรุนแรงจนไม่สามารถประกอบการกสิกรรมหรือแม้แต่นำมาดื่มกินได้ ปลาและสัตว์น้ำต่าง ๆ สูญหายไปอย่างรวดเร็ว ยิ่งไปกว่านั้น อากาศร้อนจะแห้งแล้งมากขึ้น น้ำที่เคยมีในพื้นที่ป่าพรุก็แห้งเกิดไฟป่าเผาไหม้ เหตุการณ์เหล่านี้เองเป็นสิ่งเตือนใจให้ประชาชนได้ทราบถึงผลร้ายในการทำลายป่าพรุ
การอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าพรุที่เสื่อมโทรมให้คืนดีจะต้องอาศัยความร่วมมือกันหลาย ๆ ฝ่าย และประชาชนจะต้องตระหนักถึงความสำคัญของป่าพรุด้วยเนื่องจากป่าพรุเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ จึงอยู่ในความสนใจของประชาชนอย่างกว้างขวาง ความตื่นตัวนี้ส่งผลให้เกิดความพยายามที่จะรักษาธรรมชาติ และคุณภาพสิ่งแวดล้อมเอาไว้
กรมพัฒนาที่ดิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นหน่วยงานที่ริเริ่มเข้าไปดำเนินงานด้านป่าพรุภายใต้โครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดนราธิวาส ได้ขยายการดำเนินงานการศึกษาและวิจัยป่าพรุ โดยการจัดตั้งศูนย์ศึกษาธรรมชาติป่าพรุขึ้น และได้รับพระมหากรุณาธิคุณ ทรงพระราชทานนามศูนย์ศึกษาธรรมชาติแห่งนี้ว่า "ศูนย์วิจัยและศึกษาธรรมชาติป่าพรุสิรินธร"
ศูนย์นี้ตั้งขึ้นโดยมีความมุ่งหมายให้ป่าพรุเป็นแหล่งการศึกษาความรู้ในธรรมชาติ อีกทั้งเป็นสถานที่พักผ่อนหาความเพลิดเพลินของนักศึกษาและประชาชนผู้สนใจ โดยมีการก่อสร้างทางเดินเพื่อสะดวกในการเข้าไปศึกษาป่าพรุ แต่อย่างไรก็ตามความมุ่งหมายในที่สุดก็คือ เพื่อให้เป็นแหล่งสร้างจิตสำนักแก่ประชาชนโดยทั่วไป ได้ตระหนักถึงความสำคัญและเกิดความรักและหวงแหนทรัพยากรในป่าพรุ และช่วยกันรักษาป่าพรุโต๊ะแดงให้คงอยู่ตลอดไป
![โทษของการทำลายป่าพรุ
ทำให้ดินและน้ำบริเวณป่าพรุและใกล้เคียงกลายเป็นกรดอย่างรุนแรงจนไม่สามารถประกอบการกสิกรรมหรือแม้แต่นำมาดื่มกินได้ ปลาและสัตว์น้ำต่าง ๆ สูญหายไปอย่างรวดเร็ว ยิ่งไปกว่านั้น อากาศร้อนจะแห้งแล้งมากขึ้น น้ำที่เคยมีในพื้นที่ป่าพรุก็แห้งเกิดไฟป่าเผาไหม้ เหตุการณ์เหล่านี้เองเป็นสิ่งเตือนใจให้ประชาชนได้ทราบถึงผลร้ายในการทำลายป่าพรุ
การอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าพรุที่เสื่อมโทรมให้คืนดีจะต้องอาศัยความร่วมมือกันหลาย ๆ ฝ่าย และประชาชนจะต้องตระหนักถึงความสำคัญของป่าพรุด้วยเนื่องจากป่าพรุเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ จึงอยู่ในความสนใจของประชาชนอย่างกว้างขวาง ความตื่นตัวนี้ส่งผลให้เกิดความพยายามที่จะรักษาธรรมชาติ และคุณภาพสิ่งแวดล้อมเอาไว้
กรมพัฒนาที่ดิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นหน่วยงานที่ริเริ่มเข้าไปดำเนินงานด้านป่าพรุภายใต้โครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดนราธิวาส ได้ขยายการดำเนินงานการศึกษาและวิจัยป่าพรุ โดยการจัดตั้งศูนย์ศึกษาธรรมชาติป่าพรุขึ้น และได้รับพระมหากรุณาธิคุณ ทรงพระราชทานนามศูนย์ศึกษาธรรมชาติแห่งนี้ว่า](https://www.gplace.com/include/img_comment/3/54/gp5006a162b7643.jpg)
![](https://www.gplace.com/include/v2/img/cs-icon.png)
รีวิวเมื่อ 18 ก.ค. 55
![จากจุดนี้ นั่งเรือออกทะเลได้เลย](https://www.gplace.com/include/img_comment/3/54/gp5006a10348544.jpg)
![](https://www.gplace.com/include/v2/img/cs-icon.png)
รีวิวเมื่อ 18 ก.ค. 55
![เด็กๆ กำลังเล่นน้ำ อย่างสนุก](https://www.gplace.com/include/img_comment/3/54/gp5006a0cb7b5b1.jpg)
![](https://www.gplace.com/include/v2/img/cs-icon.png)
รีวิวเมื่อ 18 ก.ค. 55
พื้นที่พรุส่วนใหญ่ประกอบด้วยน้ำและดินอินทรีย์ซึ่งทับถมกันอยู่หลวม ๆ การดำรงชีวิตอยู่ของพืชโดยเฉพาะต้นไม้ใหญ่จึงเป็นไปอย่างยากลำบาก พืชในป่าพรุจึงมีการพัฒนาระบบราก ชนิดพิเศษแตกต่างไปจากระบบรากของพืชในป่าประเภทอื่น ๆ เช่น พัฒนาเป็นพูพอน รากค้ำยัน และรากหายใจ เป็นต้น
--------------
ภาพ: ดอกไม้ ระหว่างเดิน
![พันธุ์ไม้ ใน ป่าพรุ
พื้นที่พรุส่วนใหญ่ประกอบด้วยน้ำและดินอินทรีย์ซึ่งทับถมกันอยู่หลวม ๆ การดำรงชีวิตอยู่ของพืชโดยเฉพาะต้นไม้ใหญ่จึงเป็นไปอย่างยากลำบาก พืชในป่าพรุจึงมีการพัฒนาระบบราก ชนิดพิเศษแตกต่างไปจากระบบรากของพืชในป่าประเภทอื่น ๆ เช่น พัฒนาเป็นพูพอน รากค้ำยัน และรากหายใจ เป็นต้น
--------------
ภาพ: ดอกไม้ ระหว่างเดิน](https://www.gplace.com/include/img_comment/3/54/gp5006a095062b1.jpg)
![](https://www.gplace.com/include/v2/img/cs-icon.png)
รีวิวเมื่อ 18 ก.ค. 55
------------
ภาพ: พืชใต้น้ำ ใน ป่าพรุ
![ป่าพรุมีน้ำแช่ขังตลอดปี การไหลเวียนของน้ำเป็นไปอย่างช้า ๆ กระแสน้ำไหลเอื่อย ๆ ไม่หยุดนิ่ง สีของน้ำเป็นสีน้ำตาลคล้ายน้ำชา เป็นสีของน้ำฝาด (น้ำฝาด คือ น้ำสีน้ำตาลที่ได้จากการสลายตัวของซากพืช) รสเฝื่อนเล็กน้อย (เผื่อน คือ ฝาดปนเปรี้ยว) น้ำในป่าพรุมีสภาพความเป็นกรด-ด่าง หรือมีค่า pH = 4.5-6.0 เป็นกรดอ่อน ๆ สามารถนำมาใช้บริโภคได้ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์และสัตว์ และเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำได้เป็นอย่างดี
------------
ภาพ: พืชใต้น้ำ ใน ป่าพรุ](https://www.gplace.com/include/img_comment/3/54/gp5006a0865c5b7.jpg)
![](https://www.gplace.com/include/v2/img/cs-icon.png)
รีวิวเมื่อ 18 ก.ค. 55
![ในอดีต เคยมีป่าพรุในประเทศไทยมากถึงกว่า 400,000 ไร่ กินเนื้อที่กว่า 50 ล้านไร่ แต่ได้ค่อย ๆ ลดปริมาณลงจากการถูกบุกรุกแผ้วถางทำการเกษตร จนปัจจุบันเหลือไม่ถึง 60,000 ไร่](https://www.gplace.com/include/img_comment/3/54/gp50069f2141b86.jpg)
![](https://www.gplace.com/include/v2/img/cs-icon.png)
รีวิวเมื่อ 18 ก.ค. 55
![เส้นทางเดินเท้ายังไม่จบ](https://www.gplace.com/include/img_comment/3/54/gp50069ee53316d.jpg)
![](https://www.gplace.com/include/v2/img/cs-icon.png)
รีวิวเมื่อ 18 ก.ค. 55
![สำหรับในประเทศไทย พื้นที่ที่มีป่าพรุเกิดขึ้นนั้น มักจะเป็นที่ภาคตะวันออกและภาคใต้ตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไป และพบในบางส่วนบ้างของภาคกลาง ในปัจจุบัน พื้นที่ป่าพรุที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย คือ ป่าพรุสิรินธร หรือป่าพรุโต๊ะแดง ในจังหวัดนราธิวาส มีเนื้อที่กว่า 125,625 ไร่](https://www.gplace.com/include/img_comment/3/54/gp50069eb0c5cd3.jpg)
![](https://www.gplace.com/include/v2/img/cs-icon.png)
รีวิวเมื่อ 18 ก.ค. 55
ระบบนิเวศในป่าพรุนั้นมีความหลากหลาย และเกี่ยวเนื่องเกี่ยวพันกัน ไม้ยืนต้นจะมีระบบรากแขนงแข็งแรงแผ่ออกไปเกาะเกี่ยวกันเพื่อจะได้ช่วยพยุงลำต้นของกันและกัน และให้ยืนตัวทรงอยู่ได้ ดังนั้นต้นไม้ในป่าพรุจึงอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม หากต้นใดต้นหนึ่งล้ม ต้นอื่นจะล้มตามไปด้วย
![สภาพโดยทั่วไปของป่าพรุ นั้น คือ พื้นด้านล่างจะเป็นพรุมีน้ำขังตลอดทั้งปี น้ำจะมีสีเขียวหรือน้ำตาลเข้ม อันเกิดจากการหมักหมมตัวมาอย่างยาวนานของซากพืช ซากสัตว์ น้ำจะมีสภาพเป็นกรดมากกว่าค่าของน้ำปกติ (PH ต่ำกว่า 7)
ระบบนิเวศในป่าพรุนั้นมีความหลากหลาย และเกี่ยวเนื่องเกี่ยวพันกัน ไม้ยืนต้นจะมีระบบรากแขนงแข็งแรงแผ่ออกไปเกาะเกี่ยวกันเพื่อจะได้ช่วยพยุงลำต้นของกันและกัน และให้ยืนตัวทรงอยู่ได้ ดังนั้นต้นไม้ในป่าพรุจึงอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม หากต้นใดต้นหนึ่งล้ม ต้นอื่นจะล้มตามไปด้วย](https://www.gplace.com/include/img_comment/3/54/gp50069e2610a65.jpg)
![](https://www.gplace.com/include/v2/img/cs-icon.png)
รีวิวเมื่อ 18 ก.ค. 55
ป่าพรุ เป็นประเภทของป่าดิบชื้นประเภทหนึ่ง ที่อยู่ในพื้นที่ราบลุ่ม เกิดจากแอ่งน้ำจืดเกิดขังตัวติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน มีการสะสมของชั้นดินอินทรีย์วัตถุ เช่น ซากพืช, ซากสัตว์, เศษซากของต้นไม้ ใบไม้ ต่าง ๆ จนย่อยสลายช้า ๆ กลายเป็นดินพีตหรือดินอินทรีย์ที่มีลักษณะหยุ่นยวบเหมือนฟองน้ำที่มีความหนาแน่นน้อยอุ้มน้ำได้มาก และพบว่ามีการสะสมระหว่างดินพีตกับดินตะกอนทะเลสลับกันชั้นกัน 2-3 ชั้น เนื่องจากน้ำทะเลเคยมีระดับสูงขึ้นจนท่วมป่าพรุ เกิดการสะสมของตะกอนน้ำทะเลถูกขังอยู่ด้านใน พันธุ์ไม้ในป่าพรุตายลงไป และเกิดเป็นป่าชายเลนขึ้นมาแทนที่ เมื่อระดับน้ำทะเลลดลง และมีฝนตกลงมาสะสมน้ำที่ขังอยู่จึงจืดจางลง และเกิดป่าพรุขึ้นมาอีกครั้ง ดินพรุชั้นล่างมีอายุถึง 6,000-7,000 ปี ส่วนดินพรุชั้นบนอยู่ระหว่าง 700-1,000 ปี
![ป่าพรุ คือ อะไร ?
ป่าพรุ เป็นประเภทของป่าดิบชื้นประเภทหนึ่ง ที่อยู่ในพื้นที่ราบลุ่ม เกิดจากแอ่งน้ำจืดเกิดขังตัวติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน มีการสะสมของชั้นดินอินทรีย์วัตถุ เช่น ซากพืช, ซากสัตว์, เศษซากของต้นไม้ ใบไม้ ต่าง ๆ จนย่อยสลายช้า ๆ กลายเป็นดินพีตหรือดินอินทรีย์ที่มีลักษณะหยุ่นยวบเหมือนฟองน้ำที่มีความหนาแน่นน้อยอุ้มน้ำได้มาก และพบว่ามีการสะสมระหว่างดินพีตกับดินตะกอนทะเลสลับกันชั้นกัน 2-3 ชั้น เนื่องจากน้ำทะเลเคยมีระดับสูงขึ้นจนท่วมป่าพรุ เกิดการสะสมของตะกอนน้ำทะเลถูกขังอยู่ด้านใน พันธุ์ไม้ในป่าพรุตายลงไป และเกิดเป็นป่าชายเลนขึ้นมาแทนที่ เมื่อระดับน้ำทะเลลดลง และมีฝนตกลงมาสะสมน้ำที่ขังอยู่จึงจืดจางลง และเกิดป่าพรุขึ้นมาอีกครั้ง ดินพรุชั้นล่างมีอายุถึง 6,000-7,000 ปี ส่วนดินพรุชั้นบนอยู่ระหว่าง 700-1,000 ปี](https://www.gplace.com/include/img_comment/3/54/gp50069dd7e0298.jpg)
![](https://www.gplace.com/include/v2/img/cs-icon.png)
รีวิวเมื่อ 18 ก.ค. 55
![นี่แหละครับ ป่าพรุ](https://www.gplace.com/include/img_comment/3/54/gp50069d69a1710.jpg)
![](https://www.gplace.com/include/v2/img/cs-icon.png)
รีวิวเมื่อ 18 ก.ค. 55
![เมื่อเดินเท้าเข้าไปลึกๆ จะพบความเป็นป่าชายเลนมากขึ้น เพราะใกล้ปากอ่าว(น้ำทะเล)](https://www.gplace.com/include/img_comment/3/54/gp50069d2310238.jpg)
![](https://www.gplace.com/include/v2/img/cs-icon.png)
รีวิวเมื่อ 18 ก.ค. 55
![เส้นทางเดินเท้า ศึกษาธรรมชาติ เป็นป่ารกบ้าง ทึบบ้าง สลับกันไป](https://www.gplace.com/include/img_comment/3/54/gp50069cddd7e46.jpg)
![](https://www.gplace.com/include/v2/img/cs-icon.png)
รีวิวเมื่อ 18 ก.ค. 55
![ช็อดนี้ถ่ายไว้เยอะ (พอไหวไหม)](https://www.gplace.com/include/img_comment/3/54/gp50069c8e6e69b.jpg)
![](https://www.gplace.com/include/v2/img/cs-icon.png)
รีวิวเมื่อ 18 ก.ค. 55
![เล่นมุมแสง นิดหน่อย](https://www.gplace.com/include/img_comment/3/54/gp50069c44592c0.jpg)
![](https://www.gplace.com/include/v2/img/cs-icon.png)
รีวิวเมื่อ 18 ก.ค. 55
![คลองสองน้ำ คือ น้ำจืด จากเขาครามไหลมาผสมกับน้ำเค็มเมื่อยามน้ำทะเลขึ้นสูง จึงเป็นชื่อเรียกของผืนป่าที่นี่](https://www.gplace.com/include/img_comment/3/54/gp50069c0905302.jpg)
![](https://www.gplace.com/include/v2/img/cs-icon.png)
รีวิวเมื่อ 18 ก.ค. 55
![แถวนี้ดูน้ำจะขุ่นไปหน่อย](https://www.gplace.com/include/img_comment/3/54/gp50069b85e5c68.jpg)
![](https://www.gplace.com/include/v2/img/cs-icon.png)
รีวิวเมื่อ 18 ก.ค. 55
![ถ่ายได้เรื่อยๆ ครับ แนะนำเที่ยวช่วงเย็นๆ ประมาณ16.00-17.00 น. แสงกำลังดี ทำมุมสะท้อนเงาน้ำและต้นไม้ได้สวย](https://www.gplace.com/include/img_comment/3/54/gp50069b37e6865.jpg)
![](https://www.gplace.com/include/v2/img/cs-icon.png)
รีวิวเมื่อ 18 ก.ค. 55
![จุดถ่ายภาพ จุดแรกของผม](https://www.gplace.com/include/img_comment/3/54/gp50069ae540019.jpg)
![](https://www.gplace.com/include/v2/img/cs-icon.png)
รีวิวเมื่อ 18 ก.ค. 55
![เส้นทางเดินทางเท้า ทางอย่างดีตลอด](https://www.gplace.com/include/img_comment/3/54/gp50069ace8270a.jpg)
![](https://www.gplace.com/include/v2/img/cs-icon.png)
รีวิวเมื่อ 18 ก.ค. 55
![ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท ราคาคนไทย](https://www.gplace.com/include/img_comment/3/54/gp50069a7e54c94.jpg)
![](https://www.gplace.com/include/v2/img/cs-icon.png)
รีวิวเมื่อ 18 ก.ค. 55
![ทางเข้า เสียค่าธรรมเนียม](https://www.gplace.com/include/img_comment/3/54/gp50069a31ee130.jpg)
![](https://www.gplace.com/include/v2/img/cs-icon.png)
รีวิวเมื่อ 18 ก.ค. 55
![ผังเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ควรอ่านซะนิดก่อนเดิน น่ะครับ](https://www.gplace.com/include/img_comment/3/54/gp50069a0031965.jpg)
![](https://www.gplace.com/include/v2/img/cs-icon.png)
รีวิวเมื่อ 18 ก.ค. 55
![ป่าพรุทางเข้า](https://www.gplace.com/include/img_comment/3/54/gp50069945c497f.jpg)