“ลำคลองน้ำใสเล็กๆ ยาว 5 กม. ในป่าพรุ ป่าชายเลน ที่มีลำน้ำใส เหมาะเดินเที่ยว ถ่ายรูปยามเย็น”
ท่าปอมคลองสองน้ำ หรือ Tha Pom Klong Song Nam เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีความพิเศษไม่เหมือนใคร โดยคำว่า “คลองสองน้ำ” หมายถึงลำคลองที่มีทั้งน้ำจืดจากน้ำผุดธรรมชาติและน้ำเค็มจากทะเลไหลมาบรรจบกัน ซึ่งในช่วงน้ำขึ้น น้ำเค็มจะไหลเข้ามาผสมกับน้ำจืด ทำให้น้ำในคลองกลายเป็นสีเขียวอมฟ้าสดใสราวกับกระจกธรรมชาติ ส่วนในช่วงน้ำลง น้ำจืดใสสะอาดจะเด่นชัดขึ้น กลายเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่งดงามและเปลี่ยนแปลงได้ในแต่ละช่วงเวลา
นอกจากความงดงามของสายน้ำแล้ว นักท่องเที่ยวยังสามารถเดินชมธรรมชาติผ่านสะพานไม้ยาวกว่า 700 เมตร ที่ทอดตัวเข้าสู่เขตป่าพรุ ป่าชายเลน และป่าดิบชื้น ซึ่งเป็นระบบนิเวศที่อุดมสมบูรณ์ เต็มไปด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ ทั้งพรรณไม้พื้นถิ่น รากไม้ที่แผ่ขยายอย่างซับซ้อนสวยงาม รวมถึงสัตว์น้ำขนาดเล็กที่อาศัยอยู่ในลำคลองอย่างกลมกลืน
วิธีการเดินทาง
-
รถส่วนตัว: จากตัวเมืองกระบี่ ใช้ถนนหมายเลข 4, แยกเข้า 4034 (ป้ายท่าปอม), เข้าไปอีกประมาณ 5 กม.
-
รถสองแถว: ขึ้นจากอำเภอเมือง ไปลงที่ใกล้ปากทางคลองเขาคราม ราคาประมาณ 30–50 บาท และเดินต่อ
-
รถรับจ้าง/แท็กซี่: ประมาณ 300–500 บาทต่อเที่ยวจากเมืองกระบี่
คำแนะนำ
-
แนะนำมาช่วง ปลายพ.ย.–พ.ค. และช่วงน้ำขึ้นจัด (วันขึ้นหรือแรม 12)
-
นำรองเท้าเดินป่า, กันยุง, และ ชุดเล่นน้ำ
-
เคารพธรรมชาติ ห้ามทิ้งขยะ ใช้เส้นทางตามป้าย
-
แต่งกายสุภาพ ก่อนลงเล่นน้ำหลีกเลี่ยงชุดโชว์มาก เพราะเป็นแหล่งท้องถิ่น
-
แนะนำช่วงเช้าเพื่อความเป็นส่วนตัวและแสงสวยตอนถ่ายภาพ
เวลาทำการ
- เปิดทำการ 08.30 - 16.30น.
ค่าเข้าชม
- ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท (คนไทย)
- ชาวต่างชาติประมาณ 100บาท
สิ่งอำนวยความสะดวก: จุดขายน้ำ-อาหาร ร้านกาแฟเล็กๆ หน้าประตู ทางเดินไม้สะอาด มีห้องน้ำ
ข้อควรระวัง: ป้องกันยุง, สุขภาพแข็งแรงพอเดินสะพาน, ห้ามถ้ำลึกหรือเดินออกนอกรางแพทย์
สอบถามเพื่มเติม
อบต.เขาคราม โทร. 075-694198, 075-694165 หรือ ศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยว จังหวัดกระบี่ โทร. 075-62 2163
รีวิวทั้งหมด
(รีวิว 24 รายการ)รีวิวเมื่อ 18 ก.ค. 55
ทำให้ดินและน้ำบริเวณป่าพรุและใกล้เคียงกลายเป็นกรดอย่างรุนแรงจนไม่สามารถประกอบการกสิกรรมหรือแม้แต่นำมาดื่มกินได้ ปลาและสัตว์น้ำต่าง ๆ สูญหายไปอย่างรวดเร็ว ยิ่งไปกว่านั้น อากาศร้อนจะแห้งแล้งมากขึ้น น้ำที่เคยมีในพื้นที่ป่าพรุก็แห้งเกิดไฟป่าเผาไหม้ เหตุการณ์เหล่านี้เองเป็นสิ่งเตือนใจให้ประชาชนได้ทราบถึงผลร้ายในการทำลายป่าพรุ
การอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าพรุที่เสื่อมโทรมให้คืนดีจะต้องอาศัยความร่วมมือกันหลาย ๆ ฝ่าย และประชาชนจะต้องตระหนักถึงความสำคัญของป่าพรุด้วยเนื่องจากป่าพรุเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ จึงอยู่ในความสนใจของประชาชนอย่างกว้างขวาง ความตื่นตัวนี้ส่งผลให้เกิดความพยายามที่จะรักษาธรรมชาติ และคุณภาพสิ่งแวดล้อมเอาไว้
กรมพัฒนาที่ดิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นหน่วยงานที่ริเริ่มเข้าไปดำเนินงานด้านป่าพรุภายใต้โครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดนราธิวาส ได้ขยายการดำเนินงานการศึกษาและวิจัยป่าพรุ โดยการจัดตั้งศูนย์ศึกษาธรรมชาติป่าพรุขึ้น และได้รับพระมหากรุณาธิคุณ ทรงพระราชทานนามศูนย์ศึกษาธรรมชาติแห่งนี้ว่า "ศูนย์วิจัยและศึกษาธรรมชาติป่าพรุสิรินธร"
ศูนย์นี้ตั้งขึ้นโดยมีความมุ่งหมายให้ป่าพรุเป็นแหล่งการศึกษาความรู้ในธรรมชาติ อีกทั้งเป็นสถานที่พักผ่อนหาความเพลิดเพลินของนักศึกษาและประชาชนผู้สนใจ โดยมีการก่อสร้างทางเดินเพื่อสะดวกในการเข้าไปศึกษาป่าพรุ แต่อย่างไรก็ตามความมุ่งหมายในที่สุดก็คือ เพื่อให้เป็นแหล่งสร้างจิตสำนักแก่ประชาชนโดยทั่วไป ได้ตระหนักถึงความสำคัญและเกิดความรักและหวงแหนทรัพยากรในป่าพรุ และช่วยกันรักษาป่าพรุโต๊ะแดงให้คงอยู่ตลอดไป
รีวิวเมื่อ 18 ก.ค. 55
รีวิวเมื่อ 18 ก.ค. 55
รีวิวเมื่อ 18 ก.ค. 55
พื้นที่พรุส่วนใหญ่ประกอบด้วยน้ำและดินอินทรีย์ซึ่งทับถมกันอยู่หลวม ๆ การดำรงชีวิตอยู่ของพืชโดยเฉพาะต้นไม้ใหญ่จึงเป็นไปอย่างยากลำบาก พืชในป่าพรุจึงมีการพัฒนาระบบราก ชนิดพิเศษแตกต่างไปจากระบบรากของพืชในป่าประเภทอื่น ๆ เช่น พัฒนาเป็นพูพอน รากค้ำยัน และรากหายใจ เป็นต้น
--------------
ภาพ: ดอกไม้ ระหว่างเดิน
รีวิวเมื่อ 18 ก.ค. 55
------------
ภาพ: พืชใต้น้ำ ใน ป่าพรุ
รีวิวเมื่อ 18 ก.ค. 55
รีวิวเมื่อ 18 ก.ค. 55
รีวิวเมื่อ 18 ก.ค. 55
รีวิวเมื่อ 18 ก.ค. 55
ระบบนิเวศในป่าพรุนั้นมีความหลากหลาย และเกี่ยวเนื่องเกี่ยวพันกัน ไม้ยืนต้นจะมีระบบรากแขนงแข็งแรงแผ่ออกไปเกาะเกี่ยวกันเพื่อจะได้ช่วยพยุงลำต้นของกันและกัน และให้ยืนตัวทรงอยู่ได้ ดังนั้นต้นไม้ในป่าพรุจึงอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม หากต้นใดต้นหนึ่งล้ม ต้นอื่นจะล้มตามไปด้วย
รีวิวเมื่อ 18 ก.ค. 55
ป่าพรุ เป็นประเภทของป่าดิบชื้นประเภทหนึ่ง ที่อยู่ในพื้นที่ราบลุ่ม เกิดจากแอ่งน้ำจืดเกิดขังตัวติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน มีการสะสมของชั้นดินอินทรีย์วัตถุ เช่น ซากพืช, ซากสัตว์, เศษซากของต้นไม้ ใบไม้ ต่าง ๆ จนย่อยสลายช้า ๆ กลายเป็นดินพีตหรือดินอินทรีย์ที่มีลักษณะหยุ่นยวบเหมือนฟองน้ำที่มีความหนาแน่นน้อยอุ้มน้ำได้มาก และพบว่ามีการสะสมระหว่างดินพีตกับดินตะกอนทะเลสลับกันชั้นกัน 2-3 ชั้น เนื่องจากน้ำทะเลเคยมีระดับสูงขึ้นจนท่วมป่าพรุ เกิดการสะสมของตะกอนน้ำทะเลถูกขังอยู่ด้านใน พันธุ์ไม้ในป่าพรุตายลงไป และเกิดเป็นป่าชายเลนขึ้นมาแทนที่ เมื่อระดับน้ำทะเลลดลง และมีฝนตกลงมาสะสมน้ำที่ขังอยู่จึงจืดจางลง และเกิดป่าพรุขึ้นมาอีกครั้ง ดินพรุชั้นล่างมีอายุถึง 6,000-7,000 ปี ส่วนดินพรุชั้นบนอยู่ระหว่าง 700-1,000 ปี
รีวิวเมื่อ 18 ก.ค. 55
รีวิวเมื่อ 18 ก.ค. 55
รีวิวเมื่อ 18 ก.ค. 55
รีวิวเมื่อ 18 ก.ค. 55
รีวิวเมื่อ 18 ก.ค. 55
รีวิวเมื่อ 18 ก.ค. 55
รีวิวเมื่อ 18 ก.ค. 55
รีวิวเมื่อ 18 ก.ค. 55
รีวิวเมื่อ 18 ก.ค. 55
รีวิวเมื่อ 18 ก.ค. 55
รีวิวเมื่อ 18 ก.ค. 55
รีวิวเมื่อ 18 ก.ค. 55
รีวิวเมื่อ 18 ก.ค. 55
รีวิวเมื่อ 18 ก.ค. 55