แหล่งโบราณคดีซันไนมารุยามะ (Sannai-Maruyama Site) ในจังหวัดอาโอโมริ คือหนึ่งในแหล่งค้นพบทางโบราณคดีที่สำคัญที่สุดของญี่ปุ่น และได้เปลี่ยนความเข้าใจเกี่ยวกับวิถีชีวิตสมัยก่อนประวัติศาสตร์อย่างสิ้นเชิง หมู่บ้านแห่งนี้ถูกอยู่อาศัยต่อเนื่องประมาณ 1,700 ปี ตั้งแต่สมัย โจมงตอนต้นถึงตอนกลาง (ประมาณ 3900–2200 ปีก่อนคริสตกาล) บนพื้นที่กว้างใหญ่กว่า 40 เฮกตาร์ ทำให้เป็นหมู่บ้านยุคโจมงที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยค้นพบ

ความยั่งยืนของชุมชนนี้สะท้อนถึงการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างชาญฉลาด ชาวโจมงอาศัยการ ล่าสัตว์ การตกปลา การเก็บของป่า พร้อมหลักฐานของการจัดการทรัพยากรเชิงระบบ เช่น การปลูก เกาลัดและถั่ว รวมถึงการจัดการป่าอย่างเป็นระบบ ซึ่งถือว่าก้าวหน้าอย่างมากสำหรับสังคมก่อนประวัติศาสตร์

การขุดค้นพบโครงสร้างมากกว่า 700 หลัง ทั้งบ้านดินหลุม บ้านยาว หลุมเก็บของ พื้นที่ฝังศพ และที่สำคัญคือ ถนนโบราณสายหลักที่กว้างและดูแลเป็นอย่างดี แสดงถึงการวางผังเมืองและระบบสังคมที่มีการบริหารจัดการอย่างมีระเบียบ

สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือ อาคารไม้เสาหกต้นขนาดมหึมา ที่ได้รับการสร้างจำลองสูงประมาณ 20 เมตร เชื่อว่าอาจใช้ประกอบพิธีกรรมหรือสังเกตการณ์ และแสดงให้เห็นถึงความสามารถด้านสถาปัตยกรรมและการวัดระดับพื้นที่ของชาวโจมงที่พัฒนาเกินกว่าที่เคยคาดคิด

ในปัจจุบัน นักท่องเที่ยวสามารถเดินชม บ้านดินหลุมจำลอง บ้านไม้หลังใหญ่ และสิ่งปลูกสร้างโบราณขนาดจริง ที่ช่วยให้เห็นภาพวิถีชีวิตเมื่อกว่า 4,000 ปีก่อนได้อย่างชัดเจน ภายในศูนย์ Jōmon Jiyūkan จัดแสดงโบราณวัตว่ากว่า 1,700 ชิ้น ทั้งเครื่องไม้ เครื่องเขิน เครื่องประดับหยก และ ดินเผารูปคน (โดกู) มากกว่า 2,000 ชิ้น ซึ่งเป็นจำนวนมากที่สุดในญี่ปุ่น และหลายชิ้นเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมสำคัญ

ซันไนมารุยามะได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลกยูเนสโก ในค.ศ. 2021 ภายใต้ชื่อ “Jōmon Prehistoric Sites in Northern Japan” และยังคงเป็นศูนย์วิจัยและให้การศึกษาด้านวัฒนธรรมโจมงภายใต้การบริหารของจังหวัดอาโอโมริอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

• รถบัส (จากสถานี Aomori):
  ขึ้นรถ Nebutan-go ไปยัง “Sannai-Maruyama Site” ใช้เวลาประมาณ 20 นาที

• รถยนต์ส่วนตัว:
  เดินทางผ่านเส้นทาง 280 หรือ 4 มีที่จอดรถฟรี

• จากสนามบิน Aomori:
  ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีโดยแท็กซี่หรือรถเช่า

• จากสถานี Shin-Aomori (ชินคันเซ็น):
  เพียง 10 นาทีโดยแท็กซี่ สะดวกมากสำหรับทริปแบบวันเดียว

• แนะนำให้มาเยือนช่วงเช้าเพื่อเดินชมพื้นที่กว้างได้สบายขึ้น

• ควรเผื่อเวลา 2–3 ชั่วโมง เพื่อชมบ้านจำลอง พิพิธภัณฑ์ และเส้นทางเดิน

• พื้นที่ค่อนข้างลมแรง โดยเฉพาะฤดูใบไม้ผลิและใบไม้ร่วง ควรเตรียมเสื้อกันลม

• เวิร์กช็อปทำ โดกูจำลอง เหมาะกับทั้งครอบครัวและผู้ที่สนใจวัฒนธรรม

• อนุญาตให้ถ่ายภาพในหลายพื้นที่ เหมาะสำหรับภาพโบราณสถานที่มีบรรยากาศเฉพาะตัว

ราคาค่าเข้าชม : 

เวลาทำการ:

• ปกติ: 9:00 – 17:00 น. (เข้าชมได้ถึงก่อนปิด 30 นาที)

• ช่วงเวลาขยาย: 9:00 – 18:00 น.

  • ช่วงโกลเด้นวีค (Golden Week)

  • วันที่ 1 มิถุนายน – 30 กันยายน

วันหยุด:

• ทุกวันจันทร์ที่ 4 ของเดือน

• หากตรงวันหยุดนักขัตฤกษ์ จะหยุดวันถัดไป

• ปิด 30 ธันวาคม – 1 มกราคม

บริการนำชมฟรี:

• รอบเวลา: 09:15, 10:00, 11:00, 12:00, 13:00, 14:00, 15:00, 16:00

• หมู่คณะ 10 คนขึ้นไป ต้องจองล่วงหน้า

ข้อควรทราบ:

• ห้องนิทรรศการ ห้ามสูบบุหรี่ / ห้ามรับประทานอาหาร-น้ำ
  (มีพื้นที่ปิกนิกสำหรับรับประทานอาหาร)

• นิทรรศการพิเศษ (Special Exhibition) มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม