“อนุสรณ์สถานแห่งความรักอันยิ่งใหญ่และสถาปัตยกรรมอันวิจิตรงดงามระดับโลก ซึ่งได้รับการยกย่องเป็นมรดกโลกและหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่.”
ทัชมาฮาล (Taj Mahal) หากแปลตามตัวอักษรว่า "พระราชวังรูปมงกุฏ" นั้น แท้จริงคือสุสานหินอ่อนสีขาวนวลที่สร้างขึ้นจากความรักอันลึกซึ้ง เป็นหนึ่งในงานสถาปัตยกรรมที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก. อนุสรณ์สถานแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดย สมเด็จพระจักรพรรดิชาห์ชะฮัน ผู้ครองบัลลังก์จักรวรรดิโมกุล ซึ่งทรงมีรักมั่นคงต่อพระมเหสีสุดที่รักของพระองค์นามว่า มุมตัซ มาฮาล (เจ้าหญิงชาวเปอร์เซีย).
เรื่องราวความรักอันเป็นตำนานเริ่มต้นขึ้นเมื่อเจ้าชายขุร์รัม ซึ่งต่อมาคือสมเด็จพระจักรพรรดิชาห์ชะฮัน ทรงพบกับอรชุมันท์ พานุ เพคุม ธิดาของรัฐมนตรี เมื่อพระองค์มีพระชนมายุ 14 พรรษา. พระองค์ทรงหลงใหลในความงามและทรงตกหลุมรักนางอย่างลึกซึ้ง. เจ้าชายขุร์รัมจึงทรงทุ่มเงิน 10,000 รูปีเพื่อซื้อเพชร และกราบบังคมทูลพระบิดาถึงความประสงค์ที่จะอภิเษกสมรสกับธิดาของรัฐมนตรี. พิธีเสกสมรสถูกจัดขึ้นในอีก 5 ปีต่อมา คือในปี พ.ศ. 2155 (ค.ศ. 1612) และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทั้งสองพระองค์ก็มิเคยอยู่ห่างกันเลย.
หลังจากที่สมเด็จพระจักรพรรดิชาห์ชะฮันขึ้นครองราชบัลลังก์ในปี พ.ศ. 2171 พระองค์ทรงมอบความไว้วางใจอย่างเต็มเปี่ยมแก่อรชุมันท์ พานุ เพคุม และพระราชทานนามอันยิ่งใหญ่ว่า มุมตัซ มาฮาล ซึ่งหมายถึง "อัญมณีแห่งราชวัง". พระมเหสีทรงติดตามพระองค์ไปทุกหนแห่ง แม้แต่ในสนามรบ และยังทรงให้คำแนะนำแก่พระองค์ในกิจการบริหารประเทศ. พระจักรพรรดิทรงซาบซึ้งในน้ำพระทัยของพระมเหสีอย่างยิ่ง.
แต่แล้วในปี พ.ศ. 2174 (ค.ศ. 1631) พระมเหสีมุมตัซ มาฮาลเสด็จสวรรคตอย่างกะทันหัน หลังจากการประสูติทายาทองค์ที่ 14. การจากไปของพระมเหสีทำให้สมเด็จพระจักรพรรดิชาห์ชะฮันทรงโศกเศร้าอย่างสุดซึ้งและยาวนานถึงสองทศวรรษ. ทรัพย์สมบัติส่วนใหญ่ของราชบัลลังก์ถูกใช้ไปเพื่อการสร้างอนุสรณ์แห่งความรักอันยิ่งใหญ่ของทั้งสองพระองค์ นั่นคือ ทัชมาฮาล ที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน.
ในบั้นปลายพระชนม์ชีพ สมเด็จพระจักรพรรดิชาห์ชะฮันทรงถูกกักบริเวณโดยพระโอรสแท้ๆ ของพระองค์เอง. สาเหตุหลักมาจากการที่พระโอรสเห็นว่าพระราชบิดาทรงใช้ทรัพย์จากท้องพระคลังไปเป็นจำนวนมหาศาลกับการก่อสร้างทัชมาฮาล และยังมีแผนที่จะสร้าง ทัชมาฮาลสีดำ อีกหนึ่งแห่งสำหรับพระองค์เองด้วย. พระองค์ทรงถูกจองจำอยู่ถึง 8 ปี จนกระทั่งเสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 2209 (ค.ศ. 1666). ตำนานเล่าว่า ในวันสุดท้ายของพระชนม์ชีพ พระองค์ทรงใช้เวลาทั้งวันในการจ้องมองเศษกระจกที่สะท้อนภาพของทัชมาฮาล และเสด็จสวรรคตพร้อมกับเศษกระจกในพระหัตถ์. พระองค์ถูกฝังเคียงข้างพระมเหสีอันเป็นที่รักภายในทัชมาฮาล ซึ่งเป็นที่ที่ความรักของพระองค์ไม่เคยจางหาย.
ทัชมาฮาล ได้รับการยกย่องว่าเป็นผลงานชิ้นเอกของมรดกโลกในปี พ.ศ. 2526 (ค.ศ. 1983) และถือเป็น "อัญมณีแห่งศิลปะมุสลิมในอินเดีย" ซึ่งแสดงถึงความรุ่งเรืองและความมั่งคั่งของประเทศอินเดียในอดีต. มีนักท่องเที่ยวมาเยือนทัชมาฮาล 7-8 ล้านคนในแต่ละปี. นอกจากนี้ ทัชมาฮาลยังได้รับการคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ ในปี พ.ศ. 2550 (ค.ศ. 2007) อีกด้วย.
วิธีการเดินทาง
-
ทางอากาศ: สนามบินที่ใกล้ที่สุดคือ สนามบินเครีย (Kheria Airport - AGR) ของอัครา ห่างจากทัชมาฮาลประมาณ 13 กม. มีเที่ยวบินภายในประเทศค่อนข้างจำกัด. อีกทางเลือกหนึ่งคือ สนามบินนานาชาติอินทิรา คานธี (Indira Gandhi International Airport - DEL) ของเดลี ซึ่งเป็นสนามบินนานาชาติหลักที่ใกล้ที่สุด ห่างออกไปประมาณ 200-230 กม. จากเดลี คุณสามารถเดินทางโดยรถไฟ รถบัส หรือเช่าแท็กซี่ไปยังอัครา.
-
ทางรถไฟ: อัคราเชื่อมต่อกับเครือข่ายรถไฟที่กว้างขวางเป็นอย่างดี. สถานีรถไฟหลักคือ อัครา คันท์ (Agra Cantt - AGC). รถไฟหลายขบวนจากเมืองใหญ่ๆ ในอินเดีย เช่น เดลี มุมไบ โกลกาตา และเจนไน จะจอดที่นี่.
-
ทางถนน: อัคราเชื่อมต่อด้วยเครือข่ายถนนที่ดี รวมถึงทางด่วนจากเดลี (Yamuna Expressway) และลัคเนา (Agra Lucknow Expressway). มีรถบัส (ทั้งเอกชนและของรัฐ) และแท็กซี่ส่วนตัวให้บริการอย่างสะดวกจากเมืองต่างๆ ในรัฐอุตตรประเทศและรัฐใกล้เคียง.
คำแนะนำ
-
เวลาที่เหมาะสม: เวลาที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชมคือช่วง เดือนที่อากาศเย็นสบาย ตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงมีนาคม ซึ่งอากาศกำลังดี. หลีกเลี่ยงช่วงฤดูร้อน (เมษายน-มิถุนายน) เนื่องจากอากาศร้อนจัด และช่วงฤดูมรสุม (กรกฎาคม-กันยายน) เนื่องจากมีความชื้นและฝนตก.
-
เยี่ยมชมตอนเช้าตรู่: ควรวางแผนไปเยี่ยมชม ตอนเช้าตรู่ (หลังพระอาทิตย์ขึ้นไม่นาน) เพื่อหลีกเลี่ยงฝูงชนและสัมผัสความงดงามของทัชมาฮาลท่ามกลางแสงเรืองรองยามเช้า. นี่เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการถ่ายภาพด้วย.
-
รองเท้า: คุณจะต้องถอดรองเท้าหรือสวมปลอกหุ้มรองเท้าที่จัดเตรียมไว้ให้ที่ทางเข้า. แนะนำให้สวมรองเท้าที่ใส่สบายสำหรับการเดินชมบริเวณที่กว้างขวาง.
-
การตรวจสอบความปลอดภัย: คาดว่าจะมีการตรวจสอบความปลอดภัยอย่างเข้มงวด. กระเป๋าขนาดใหญ่ อาหาร และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์บางชนิดไม่อนุญาตให้นำเข้าไปข้างใน. โปรดตรวจสอบแนวทางปฏิบัติอย่างเป็นทางการล่วงหน้า.
-
การแต่งกายที่เหมาะสม: แต่งกายให้สุภาพเรียบร้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเยี่ยมชมมัสยิดภายในบริเวณ.
-
ตั๋ว: ซื้อตั๋วออนไลน์ล่วงหน้าเพื่อประหยัดเวลาและหลีกเลี่ยงการต่อคิว โดยเฉพาะในช่วงฤดูท่องเที่ยว. มักจะมีแถวแยกสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ.
-
มัคคุเทศก์: พิจารณาจ้างมัคคุเทศก์ที่ได้รับอนุญาตที่ทางเข้าเพื่อรับข้อมูลเชิงลึกทางประวัติศาสตร์ แต่ควรตกลงราคาล่วงหน้า.
ค่าธรรมเนียมเข้าชม:
-
สำหรับชาวต่างชาติ: ประมาณ 1,100 รูปีอินเดีย (รวมค่าเข้าชมสุสานหลัก) + ค่าธรรมเนียมรองรับจากหน่วยงานท้องถิ่น
-
สำหรับชาวอินเดีย: ประมาณ 50 รูปีอินเดีย (สำหรับคนอินเดีย, SAARC และ BIMSTEC)
-
เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี: เข้าชมฟรี
เวลาเปิดทำการ:
-
เปิดทุกวัน: ตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้น (ประมาณ 6:00 น.) ถึงพระอาทิตย์ตก (ประมาณ 18:30 น.)
-
ปิดทำการ: ทุกวันศุกร์ (สำหรับการละหมาด) และในช่วงเทศกาลสำคัญบางช่วง