“วังน้ำเขียว เป็นอำเภอในจังหวัดนครราชสีมาที่ได้รับฉายาว่า "สวิตเซอร์แลนด์แดนอีสาน" และถูกจัดอันดับให้เป็น แหล่งโอโซนอันดับ 7 ของโลก (และอันดับ 1 ของประเทศไทย)”
วังน้ำเขียว (Wang Nam Khiao) นั้นตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เชื่อมต่อกับ อุทยานแห่งชาติทับลาน และเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่อนุรักษ์ธรรมชาติที่สำคัญของประเทศ ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO ในนามของกลุ่มป่า ดงพญาเย็น-เขาใหญ่ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมที่นี่จึงมีความอุดมสมบูรณ์ทางระบบนิเวศสูงมาก
ด้านภูมิประเทศและภูมิอากาศ
-
วังน้ำเขียวตั้งอยู่บนที่ราบสูงสลับกับภูเขา มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 400 - 700 เมตร ลักษณะทางธรณีวิทยาที่โดดเด่นทำให้อากาศบริสุทธิ์และเย็นสบายตลอดปี โดยเฉพาะในฤดูหนาว (พฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์) อุณหภูมิอาจลดลงต่ำกว่า 15 องศาเซลเซียสได้ในบางพื้นที่ ทำให้เหมาะกับการปลูกพืชเมืองหนาว และพืชผักปลอดสารพิษ
ด้านการท่องเที่ยวเชิงนิเวศและอนุรักษ์
-
อุทยานแห่งชาติทับลาน (ผาเก็บตะวัน) เป็นจุดหมายหลักของการมาที่นี่ ผาเก็บตะวันมีกิจกรรมที่โดดเด่นคือการ ยิงเมล็ดพันธุ์ไม้ เพื่อฟื้นฟูผืนป่า ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ โดยจะมีเจ้าหน้าที่ให้ความรู้เกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์และวิธีการยิง
-
เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาแผงม้า มีชื่อเสียงอย่างยิ่งในการเป็นถิ่นอาศัยของฝูงกระทิงป่า ซึ่งเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวสามารถชมกระทิงได้อย่างใกล้ชิดและปลอดภัยผ่านจุดสังเกตการณ์ที่จัดไว้ การชมกระทิงเป็นประสบการณ์ที่ตื่นเต้นและแสดงถึงความสำเร็จในการอนุรักษ์พื้นที่ป่าในวังน้ำเขียว
ด้านการท่องเที่ยวเชิงเกษตรและสุขภาพ
-
การปลูกพืชปลอดสารพิษ: วังน้ำเขียวเป็นศูนย์กลางของการปลูกผักผลไม้และพืชสมุนไพรแบบปลอดสารพิษ เนื่องจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย ทำให้มีฟาร์มและสวนเกษตรเปิดให้เข้าชมและเลือกซื้อสินค้ามากมาย เช่น ฟาร์มที่ปลูกผักสลัด, สตรอว์เบอร์รี่ และเห็ดชนิดต่างๆ
-
ฟาร์มเห็ดวังน้ำเขียว: เป็นหนึ่งในสถานที่ยอดนิยม ที่นี่มีการเพาะเห็ดหลากหลายสายพันธุ์ เช่น เห็ดออรินจิ, เห็ดหลินจือ, เห็ดนางฟ้า และเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวงจรชีวิตของเห็ด รวมถึงการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากเห็ด
-
ทุ่งดอกไม้เมืองหนาว: ในช่วงปลายปีถึงต้นปี ทุ่งดอกไม้จะบานสะพรั่งตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ เช่น Flora Park หรือ A-Hauy Flower Farm ซึ่งมีการจัดสวนในรูปแบบที่สวยงามตระการตาและมีการหมุนเวียนชนิดของดอกไม้ตามฤดูกาล ทำให้สามารถเดินทางมาเที่ยวซ้ำได้ไม่เบื่อ
-
ไร่องุ่นและโรงบ่มไวน์: แม้จะไม่โด่งดังเท่าเขาใหญ่ แต่ก็มีไร่องุ่นที่ผลิตไวน์คุณภาพดีและเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมกระบวนการผลิตและชิมไวน์ในบรรยากาศยุโรป เช่น Village Farm & Winery
ด้านที่พักและร้านอาหาร
-
วังน้ำเขียวมีรีสอร์ทและที่พักให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่เต็นท์หรู ไปจนถึงบ้านพักสไตล์ยุโรป ที่เน้นการออกแบบให้กลมกลืนกับธรรมชาติและมีพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมกลางแจ้ง
-
ร้านอาหารส่วนใหญ่มักเน้นเมนูสุขภาพและวัตถุดิบจากท้องถิ่น เช่น เมนูจากเห็ด, สลัดผักสด, และกาแฟออร์แกนิก ทำให้วังน้ำเขียวยังคงเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับผู้ที่แสวงหาการพักผ่อนอย่างแท้จริง
วิธีการเดินทาง
-
รถยนต์ส่วนตัว: ใช้ทางหลวงหมายเลข 304 (นครราชสีมา - กบินทร์บุรี) วังน้ำเขียวจะอยู่ห่างจากตัวเมืองนครราชสีมาประมาณ 80 กิโลเมตร และห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 260 กิโลเมตร
-
รถโดยสารสาธารณะ: มีรถตู้หรือรถทัวร์ออกจากสถานีขนส่งหมอชิต 2 มุ่งหน้าไปปักธงชัย หรือต่อไปวังน้ำเขียวโดยตรง ใช้เวลาประมาณ 3-5 ชั่วโมง
คำแนะนำ
-
ช่วงเวลาที่เหมาะสม: ควรมาในช่วง ฤดูหนาว (พฤศจิกายน-กุมภาพันธ์) เพื่อสัมผัสอากาศที่หนาวเย็นที่สุดและชมทุ่งดอกไม้เมืองหนาวที่สวยงาม
-
เตรียมเสื้อผ้า: แม้จะไม่ใช่ฤดูหนาว แต่ช่วงเช้าและเย็นอากาศก็ยังค่อนข้างเย็น ควรเตรียมเสื้อกันหนาวหรือเสื้อคลุมมาด้วย
-
เช็คเวลาชมกระทิง: หากต้องการชมกระทิงที่เขาแผงม้า ควรไปถึงช่วงเย็น (ประมาณ 16.30 - 18.00 น.) เพราะเป็นช่วงที่กระทิงจะลงมากินหญ้า
ค่าเข้าชม:
-
สถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่เป็นฟาร์มเอกชน, สวนดอกไม้, หรือคาเฟ่ มักมีค่าเข้าชม/ค่าบำรุงสถานที่ (ราคาแตกต่างกันไป เริ่มต้นหลักสิบถึงหลักร้อยบาท ขึ้นอยู่กับสถานที่)
-
ผาเก็บตะวัน (อุทยานแห่งชาติทับลาน) อาจมีค่าเข้าอุทยานตามระเบียบของกรมอุทยานฯ
เวลาเปิดปิดทำการ:
-
แหล่งท่องเที่ยวส่วนใหญ่: มักเปิดตั้งแต่ 08.00 น. หรือ 09.00 น. ถึง 17.00 น. หรือ 18.00 น.
-
ร้านอาหาร: มักเปิดถึงช่วงค่ำ (ประมาณ 20.00 น. - 22.00 น.)
-
ผาเก็บตะวัน/เขาแผงม้า: เป็นพื้นที่เปิดโล่ง แต่จุดชมวิวหรือจุดสกัดสัตว์ป่าจะมีเวลาทำการเฉพาะ
รีวิวทั้งหมด
(รีวิว 3 รายการ)รีวิวเมื่อ 3 ต.ค. 55
รีวิวเมื่อ 22 ธ.ค. 54
รีวิวเมื่อ 18 ก.ค. 54