“ผาแต้มโดดเด่นด้วยภาพเขียนสีโบราณริมผาแม่น้ำโขงที่ยาวกว่า 180 เมตร และวิวพระอาทิตย์ขึ้นอันสวยงาม รวมถึงภูมิทัศน์ธรรมชาติที่หลากหลายตั้งแต่หน้าผา ลานหิน ไปจนถึงทุ่งดอกไม้ป่า”
อุทยานแห่งชาติผาแต้ม ตั้งอยู่ที่อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 340 ตารางกิโลเมตร ลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน มีหน้าผาริมแม่น้ำโขง และพื้นที่ป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง รวมถึงลานหินธรรมชาติ อุดมไปด้วยพืชพรรณและสัตว์ป่าหลากหลายชนิด
ก่อนที่จะถูกประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ พื้นที่ผาแต้มเป็นแหล่งอาศัยของชุมชนดั้งเดิมที่มีประวัติยาวนานนับพันปี หลักฐานสำคัญคือภาพเขียนสีโบราณบนหน้าผาริมแม่น้ำโขง ซึ่งคาดว่ามีอายุประมาณ 3,000–4,000 ปี ภาพเหล่านี้บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการดำรงชีวิต การล่าสัตว์ การประมง และความเชื่อของผู้คนในยุคนั้น การค้นพบและบันทึกโดยนักโบราณคดีเกิดขึ้นในช่วงปลายทศวรรษ 2520 ทำให้พื้นที่นี้กลายเป็นที่สนใจของนักวิชาการทั้งในและต่างประเทศ
ด้วยคุณค่าทางโบราณคดีและธรรมชาติ รัฐบาลไทยได้ประกาศจัดตั้งอุทยานแห่งชาติผาแต้มอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2534 เพื่ออนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติให้คงอยู่สืบไป
จุดเด่นของผาแต้มคือภาพเขียนสีโบราณที่มีความยาวกว่า 180 เมตร และยังขึ้นชื่อว่าเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นแห่งแรกของประเทศไทย เนื่องจากตั้งอยู่ทางตะวันออกสุดของประเทศ นักท่องเที่ยวนิยมมาชมพระอาทิตย์ขึ้นเหนือน้ำโขง โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่มีสายหมอกปกคลุม
สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอื่น ๆ ได้แก่
• เสาเฉลียง – เสาหินธรรมชาติรูปร่างแปลกตา คล้ายเห็ดหรือเสาขนาดใหญ่ เกิดจากการกัดเซาะของลมและน้ำเป็นเวลานับล้านปี
• น้ำตกแสงจันทร์ (น้ำตกลงรู) – น้ำตกที่ไหลผ่านโพรงหินลงสู่เบื้องล่าง สวยงามไม่เหมือนใคร
• ผาขาม – ผาหมอน – จุดชมวิวแม่น้ำโขงและฝั่งลาว
• ทุ่งดอกไม้ป่า – เช่น ดอกดุสิตา ดอกหงอนนาค บานสะพรั่งระหว่างเดือนพฤศจิกายน–มกราคม
• เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ – เรียนรู้ระบบนิเวศ ป่าเต็งรัง ลานหิน และป่าเบญจพรรณ
ภายในอุทยานมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งศูนย์บริการนักท่องเที่ยว บ้านพัก ลานกางเต็นท์ ร้านอาหาร ห้องน้ำ และป้ายข้อมูลเชิงโบราณคดีและธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจการพักผ่อน ชมธรรมชาติ และศึกษาประวัติศาสตร์
วิธีการเดินทาง
- จากตัวเมืองอุบลราชธานี ใช้ทางหลวงหมายเลข 2050 ผ่านอำเภอวารินชำราบและอำเภอตระการพืชผล แล้วต่อทางหลวงหมายเลข 2222 มุ่งสู่อำเภอโขงเจียม รวมระยะทางประมาณ 95 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางราว 1 ชั่วโมง 30 นาที
คำแนะนำ
- ควรมาถึงแต่เช้าเพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้น
- เตรียมน้ำดื่มและของว่างเพราะจุดท่องเที่ยวบางแห่งอยู่ห่างกัน
- สวมรองเท้าที่เหมาะสมสำหรับเดินบนลานหินและเส้นทางธรรมชาติ
- ฤดูหนาวเป็นช่วงที่อากาศเย็นและทิวทัศน์สวยงามที่สุด
ค่าธรรมเนียมเข้าชม
- ชาวไทยผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท
- ชาวต่างชาติผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท
เวลาเปิดทำการ
- 05.00 - 18.00 น.
รีวิวทั้งหมด
(รีวิว 11 รายการ)รีวิวเมื่อ 6 มี.ค. 56
รีวิวเมื่อ 24 ส.ค. 55
รีวิวเมื่อ 24 ส.ค. 55
รีวิวเมื่อ 24 ส.ค. 55
รีวิวเมื่อ 24 ส.ค. 55
รีวิวเมื่อ 24 ส.ค. 55
รีวิวเมื่อ 24 ส.ค. 55
รีวิวเมื่อ 24 ส.ค. 55
รีวิวเมื่อ 24 ส.ค. 55
รีวิวเมื่อ 24 ส.ค. 55
รีวิวเมื่อ 24 ส.ค. 55