“เป็นที่ตั้งของระบบนิเวศป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์และเป็นแหล่งดำน้ำที่มีความหลากหลายของปะการังและสัตว์ทะเลมากที่สุดในอ่าวไทย โดยเฉพาะการพบปะการังดำ และจุดเด่นบนฝั่งคือสะพานแขวน และเส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน บริเวณอ่าวทุ่งคา-สวี ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำแรมซาร์”
อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร (Mu Ko Chumphon National Park) ได้รับการประกาศจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542 ครอบคลุมพื้นที่รวมทั้งสิ้น 198,125 ไร่ หรือประมาณ 324.42 ตารางกิโลเมตร โดยมีพื้นที่ทางทะเลคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 80% ของพื้นที่ทั้งหมด
พื้นที่แห่งนี้เดิมเคยถูกเสนอจัดตั้งในชื่อ "อุทยานแห่งชาติหาดทรายรี" แต่ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อให้สอดคล้องกับลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่ประกอบด้วยหมู่เกาะน้อยใหญ่จำนวนมากถึง 40 เกาะ
พื้นที่ของอุทยานฯ มีความโดดเด่นทางด้านภูมิศาสตร์และระบบนิเวศ ครอบคลุมพื้นที่ทั้งทางบกและทางทะเลใน 5 อำเภอของจังหวัดชุมพร ได้แก่ อำเภอเมืองชุมพร, อำเภอปะทิว, อำเภอสวี, อำเภอทุ่งตะโก และอำเภอหลังสวน โดยมีภูมิสัณฐาน 4 รูปแบบหลัก คือ ชายฝั่ง อ่าวและปากคลอง เกาะ และภูเขา
พื้นที่บนบก (ที่ทำการอุทยานฯ)
ที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพรตั้งอยู่บริเวณปากคลองท่าจระเข้ ในตำบลหาดทรายรี เป็นจุดเข้าถึงพื้นที่ป่าชายเลนอ่าวทุ่งคา-สวี ซึ่งถือเป็นผืนป่าชายเลนที่มีความสมบูรณ์และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำแรมซาร์
เส้นทางศึกษาธรรมชาติ
อุทยานฯ ได้จัดสร้างสะพานไม้และสะพานแขวนเป็นเส้นทางเดินเท้าให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับระบบนิเวศป่าชายเลนอย่างใกล้ชิด สามารถชมพรรณไม้หลัก เช่น โกงกางและโปรงขาว และศึกษาชีวิตสัตว์ที่อาศัยอยู่ในป่าโกงกาง
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมพายเรือคายัก หรือ SUP Board ลอดซุ้มป่าโกงกางที่ได้รับความนิยมอย่างมากในการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ
หมู่เกาะและโลกใต้ทะเล
อุทยานฯ ประกอบด้วยหมู่เกาะสำคัญหลายแห่งที่มีบทบาทสำคัญต่อระบบนิเวศทางทะเล
- เกาะง่ามใหญ่และเกาะง่ามน้อย เป็นเกาะหินปูนที่สำคัญที่สุดในฐานะจุดดำน้ำ แนวปะการังที่นี่มีความสมบูรณ์สูงมากและมีความโดดเด่นทางธรณีวิทยา มักปรากฏเป็นโพรงถ้ำใต้ทะเลยาวกว่า 15 เมตร ภายในถ้ำเป็นที่อาศัยของฟองน้ำ ปะการัง และสัตว์ทะเลหลายชนิด ที่เกาะนี้ยังเป็นจุดที่มีโอกาสสูงในการพบเห็นฉลามวาฬ และฉลามครีบดำ
- เกาะรังกาจิว (หรือเกาะลังกาจิว) เป็นเกาะสัมปทานรังนกที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เพราะมีการค้นพบลายพระหัสถ์จารึกพระปรมาภิไธยย่อ จ.ป.ร. ของรัชกาลที่ 5 สลักอยู่บนผาหิน
- เกาะทะลุ มีลักษณะทางธรณีวิทยาที่น่าอัศจรรย์ คือมีโพรงถ้ำขนาดใหญ่ทะลุสร้างเป็นซุ้มประตูธรรมชาติ แนวปะการังรอบเกาะเป็นแหล่งรวมปะการังเขากวางและฝูงปลาหลากสี
- เกาะมาตรา (หรือเกาะตังกวย) และเกาะทองหลาง: เป็นเกาะที่มีแนวปะการังรอบเกาะ เหมาะสำหรับการดำน้ำตื้นและเป็นแหล่งรวมของฝูงปลามากมาย
ความอุดมสมบูรณ์ทางชีวภาพและสัตว์ป่า
อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพรเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ เช่น
ความหลากหลายในทะเล เป็นแหล่งที่พบปะการังดำมากที่สุดในประเทศ รวมถึงมีการพบปะการังอ่อน ถ้วยทะเล พรมทะเล และดอกไม้ทะเลขนาดใหญ่ที่สุดในอ่าวไทย นอกจากนี้ยังมีปริมาณและความหลากหลายของชนิดพันธุ์ปลาและหอยหมากสูงที่สุดในอ่าวไทยอีกด้วย
สัตว์บกและนก ด้วยความแตกต่างของพื้นที่ทั้งป่าชายเลนและภูเขา พบสัตว์ป่าหลากหลายชนิด ที่สำคัญคือนกทะเลหลายชนิด เช่น นกยาง นกชายเลน นกนางนวล และนกอีแอ่น ซึ่งหลายเกาะในอุทยานฯ เป็นแหล่งทำรังของนกนางแอ่น และยังพบลิงอาศัยอยู่ในบริเวณป่าชายเลนใกล้ที่ทำการอุทยานฯ
วิธีการเดินทาง
- การเดินทางไปที่ทำการอุทยานฯ: จากตัวเมืองชุมพร ให้ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 4001 (ชุมพร-ปากน้ำ) จากนั้นต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 4119 จนถึงสามแยกตำบลปากน้ำ เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 4098 ประมาณ 100 เมตร เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 4017 ตรงไปอีก 9 กิโลเมตร จะถึงที่ทำการอุทยานฯ รวมระยะทางจากตัวเมืองชุมพรประมาณ 23 กิโลเมตร
- การเดินทางไปเที่ยวเกาะ: ต้องเช่าเรือนำเที่ยว (เรือหางยาวหรือสปีดโบ๊ท) จากผู้ประกอบการบริเวณหาดทรายรี หรือติดต่อที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวของอุทยานฯ
คำแนะนำ
- ช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการท่องเที่ยวทางทะเลและดำน้ำคือระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนเมษายน และเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤศจิกายน เนื่องจากเป็นช่วงที่ทะเลสงบ น้ำใส และทัศนวิสัยใต้น้ำดีเยี่ยม ควรหลีกเลี่ยงช่วงมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ
- อุทยานฯ มีบริการบ้านพักและจุดกางเต็นท์ในบริเวณที่ทำการอุทยานฯ
- กิจกรรมหลัก ได้แก่ ดำน้ำตื้น/น้ำลึกชมปะการัง, พายเรือคายักในป่าชายเลน, เดินชมเส้นทางธรรมชาติ, และล่องเรือสำรวจเกาะ
ค่าเข้าชม:
อัตราค่าเข้าชมอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพรมีความแตกต่างกันระหว่างชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยมีรายละเอียดดังนี้:
- ชาวไทย: ผู้ใหญ่ 40 บาท / เด็ก 20 บาท
- ชาวต่างชาติ: ผู้ใหญ่ 200 บาท / เด็ก 100 บาท
นอกจากนี้ ยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่นักท่องเที่ยวต้องเตรียมไว้สำหรับการเดินทาง เช่น ค่าเช่าเรือนำเที่ยวไปยังหมู่เกาะต่าง ๆ ซึ่งราคาจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับจำนวนเกาะที่ต้องการไป และประเภทของเรือที่เลือกใช้ (เช่น เรือหางยาว หรือสปีดโบ๊ท) รวมถึงค่าบริการบ้านพักหรือลานกางเต็นท์ หากประสงค์จะพักค้างคืนในเขตอุทยานฯ
เวลาเปิด-ปิด:
- ที่ทำการอุทยานฯ และศูนย์บริการนักท่องเที่ยว: เปิดทำการทุกวัน เวลา 08:30 – 16:30 น.
- แหล่งท่องเที่ยว (ทางทะเล): เปิดทุกวัน เวลา 08:00 – 18:00 น. (อาจมีการปรับเปลี่ยนตามสภาพอากาศ)