“ปรางค์ประธานก่อด้วยศิลาแลง แม้จะทรุดโทรมไปตามกาลเวลา แต่ยังคงเอกลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมขอมที่ใช้สร้างอโรคยาศาล เป็นแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์สำคัญของภาคอีสาน”
กู่เกษม หรือ ปราสาทบึงคำ (Gu Ka Sem or Prang Bueang Kham) เป็นหนึ่งในกลุ่มโบราณสถานสำคัญที่ถูกสร้างขึ้นในรัชสมัยของ พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 (ครองราชย์ พ.ศ. 1724–1761) กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรขอม ซึ่งทรงเป็นพุทธมามกะที่นับถือพระพุทธศาสนาแบบมหายาน ปราสาทแห่งนี้จึงมิได้เป็นเพียงศาสนสถานเท่านั้น แต่ถูกกำหนดให้เป็น อโรคยาศาล หรือ โรงพยาบาล เพื่อบำบัดทุกข์ทางกายให้กับประชาชนทุกคนในอาณาจักร โดยมีการสร้างอโรคยาศาลลักษณะเดียวกันนี้ขึ้นถึง 102 แห่งทั่วดินแดน
ลักษณะทางสถาปัตยกรรมและองค์ประกอบ
ปราสาทบึงคำสร้างตามแบบฉบับของสถาปัตยกรรมขอมศิลปะแบบ บายน ซึ่งเป็นรูปแบบที่ใช้ในการสร้างอโรคยาศาลแทบทุกแห่ง มีผังอาคารเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าหันหน้าไปทางทิศตะวันออก องค์ประกอบหลักของปราสาทประกอบด้วย:
-
ปรางค์ประธาน: เป็นอาคารหลักตั้งอยู่ตรงกลาง ก่อสร้างด้วย ศิลาแลง เป็นวัสดุหลัก (เนื่องจากความรีบเร่งในการก่อสร้าง) มีห้องครรภคฤหะสำหรับประดิษฐานรูปเคารพสำคัญ ซึ่งเดิมสันนิษฐานว่าเป็น พระพุทธรูปนาคปรก หรือ พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภา อันเป็นพระพุทธเจ้าผู้รักษาโรค ตามคติของพุทธมหายานที่ใช้ในอโรคยาศาล
-
โคปุระ: ซุ้มประตูทางเข้าหลักตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก ผนังของโคปุระก่อด้วยศิลาแลง มีกรอบประตูและหน้าต่างทำด้วย หินทราย ซึ่งเป็นส่วนที่มักจะมีการสลักลวดลายวิจิตร
-
บรรณาลัย: อาคารขนาดเล็ก 1 หลัง ก่อด้วยศิลาแลง ตั้งอยู่บริเวณมุมทิศตะวันออกเฉียงใต้ภายในกำแพงแก้ว สันนิษฐานว่าเป็นที่เก็บรักษา ตำรายา หรือคัมภีร์ที่เกี่ยวข้องกับการรักษา
-
กำแพงแก้ว: ล้อมรอบพื้นที่ทั้งหมด ก่อด้วยศิลาแลง เพื่อแบ่งเขตพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์และพื้นที่การใช้งาน
งานศิลปะและโบราณวัตถุที่โดดเด่น
แม้สภาพของปราสาทในปัจจุบันจะเหลือเพียงส่วนฐานและผนังบางส่วน แต่ร่องรอยงานศิลปะที่พบเป็นหลักฐานยืนยันถึงความรุ่งเรืองในอดีต:
-
ทับหลัง: เป็นส่วนสำคัญที่สุดที่พบ งานสลักทับหลังของปราสาทบึงคำมีความงดงามตามแบบศิลปะบายน ซึ่งมีการค้นพบและนำไปเก็บรักษาไว้ที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมาย ลายสลักมักเกี่ยวข้องกับเรื่องราวทางพุทธศาสนาหรือเทพปกรณัม
-
รูปเคารพ: มีการพบชิ้นส่วนของเทวรูปและพระพุทธรูปที่แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายทางความเชื่อในยุคนั้น เช่น เศียรพระโพธิสัตว์และชิ้นส่วนของเทวรูป
-
จารึก: มักพบจารึกที่บอกเล่าถึงวัตถุประสงค์ในการสร้าง การอุทิศถวายที่ดิน หรือรายชื่อผู้ดูแลอโรคยาศาล ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการทำความเข้าใจประวัติศาสตร์ของปราสาท (แม้ว่าที่กู่เกษมอาจไม่พบจารึกที่สมบูรณ์เท่าที่อื่น)
ความสำคัญในฐานะอโรคยาศาล
กู่เกษมไม่ได้เป็นเพียงเทวสถาน แต่มีบทบาทเป็นสถานพยาบาลที่ตั้งอยู่ในเส้นทางคมนาคมที่สำคัญเพื่อการเข้าถึงของประชาชนอย่างเท่าเทียม โดยมีหลักฐานคือ บาราย (สระน้ำขนาดใหญ่) ที่มักจะอยู่ใกล้เคียงกับอโรคยาศาล เพื่อใช้ในกิจการของโรงพยาบาลและพิธีกรรมทางศาสนา
การเข้ามาศึกษาปราสาทแห่งนี้จึงเป็นการเรียนรู้ประวัติศาสตร์การแพทย์และการสาธารณสุขของอาณาจักรขอมควบคู่ไปกับสถาปัตยกรรม ซึ่งแสดงถึงพระเมตตาของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ที่ต้องการให้ความสงบสุขทางจิตใจและสุขภาพกายควบคู่กันไป
ปราสาทบึงคำจึงเป็นตัวแทนของ "มรดกแห่งความเมตตา" ที่แสดงให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองทางด้านสถาปัตยกรรม ศาสนา และระบบการจัดการสาธารณสุขของอาณาจักรขอมโบราณในพื้นที่ภาคอีสานของประเทศไทย
วิธีการเดินทาง
- เดินทางจากตัวเมืองนครราชสีมาไปตามถนนมิตรภาพ (ทางหลวงหมายเลข 2) แล้วเลี้ยวเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 226 มุ่งหน้าไปยังอำเภอห้วยแถลง จากตัวอำเภอห้วยแถลง ให้ใช้เส้นทางไปบ้านบึงคำ ตามป้ายบอกทางไปยังปราสาท ซึ่งอยู่ห่างจากตัวอำเภอประมาณ 12 กิโลเมตร ควรใช้รถส่วนตัวหรือรถเช่า
คำแนะนำ
-
ควรเข้าชมในช่วงเช้าหรือเย็นเพื่อหลีกเลี่ยงอากาศร้อน
-
โบราณสถานมีความสงบเงียบ เหมาะแก่การเดินสำรวจและถ่ายภาพเชิงประวัติศาสตร์
-
เนื่องจากเป็นพื้นที่เปิดโล่ง ควรสวมหมวกและแว่นกันแดด
-
เยี่ยมชม พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมาย ซึ่งเก็บรักษาโบราณวัตถุที่พบจากปราสาทแห่งนี้ รวมถึงทับหลังบางส่วน
ค่าเข้าชม:
- ฟรี (ไม่มีการเก็บค่าเข้าชม)
เวลาเปิดปิดทำการ:
- สามารถเข้าชมได้ในช่วงเวลากลางวัน หรือสอบถามรายละเอียดกับหน่วยงานท้องถิ่นเพื่อความแน่นอน