“วัดแสนฝางโดดเด่นด้วย เจดีย์มงคลแสนมหาชัย ทรงพม่าองค์ใหญ่สีทองอร่าม สร้างขึ้นโดยพระครูบาโสณโณเถระ มีลักษณะคล้ายพระเจดีย์ชเวดากองในพม่า ภายในวัดยังมี วิหารลายคำ ศิลปะล้านนา ปิดทองล่องชาดทั้งหลัง พระอุโบสถสองชั้น ซึ่งสร้างโดยพระราชชายาเจ้าดารารัศมี และ กุฏิเจ้าอาวาสเก่าอายุกว่าร้อยปี ที่ผสมผสานศิลปะล้านนาและตะวันตกได้อย่างงดงาม”
วัดแสนฝาง เป็นหนึ่งในวัดเก่าแก่ใจกลางเมืองเชียงใหม่ ตั้งอยู่บนถนนท่าแพ มีตำนานว่าสร้างขึ้นในสมัยพญาแสนภู กษัตริย์องค์ที่ 3 แห่งราชวงศ์มังราย ราวปี พ.ศ. 2119 และได้รับการอุปถัมภ์จากเจ้านครเชียงใหม่หลายพระองค์สืบต่อกันมา
ชื่อเดิมของวัดคือ “วัดแสนฝัง” โดยคำว่า “แสน” มาจากพระนามของพญาแสนภู ส่วน “ฝัง” มาจากพระราชประสงค์ที่จะฝากฝังขุมพระราชทรัพย์และบุญกุศลไว้ในพระพุทธศาสนา ต่อมาชื่อจึงเพี้ยนมาเป็น “วัดแสนฝาง”
สถาปัตยกรรมภายในวัดสะท้อนการผสมผสานทางวัฒนธรรมอย่างลงตัว วิหารลายคำสร้างเมื่อ พ.ศ. 2420 โดยพระเจ้าอินทวิชยานนท์ และเจ้าทิพเกษรราชเทวี ปิดทองล่องชาดทั้งหลัง ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปก่ออิฐถือปูนเป็นพระประธาน ส่วนเจดีย์มงคลแสนมหาชัยสร้างโดยพระครูบาโสณโณเถระ มีลักษณะคล้ายเจดีย์ชเวดากอง ขนาดกว้าง 18.7 เมตร สูง 49 เมตร
พระอุโบสถสองชั้นที่สร้างโดยพระราชชายาเจ้าดารารัศมีในปี พ.ศ. 2453 มีลักษณะก่ออิฐถือปูนชั้นล่างและโครงไม้ชั้นบน ผสมผสานศิลปะแบบตะวันตก เช่น ลายฉลุขนมปังขิงและซุ้มปูนปั้นประดับหน้าต่าง ส่วนกุฏิเจ้าอาวาสเก่าอายุกว่าร้อยปีและหอไตรทั้งสองหลังเป็นหลักฐานของศิลปกรรมที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี
วัดแสนฝางได้รับการบูรณะครั้งสำคัญในสมัยพระเจ้ากาวิละ และต่อเนื่องมาจนถึงยุคหลัง เพื่อคงไว้ซึ่งความงามของสถาปัตยกรรมล้านนาและมรดกทางศาสนาของเมืองเชียงใหม่
วิธีการเดินทาง
รถสองแถวแดง (รถแดง):
- ใช้บริการรถแดงจากที่ใดก็ได้ในตัวเมืองเชียงใหม่ แล้วบอกคนขับว่า “ไปวัดแสนฝาง ถนนท่าแพ” วัดตั้งอยู่บนเส้นทางหลักระหว่างประตูท่าแพกับตลาดวโรรส
เดินหรือจักรยาน:
- หากพักอยู่ในเขตคูเมืองด้านตะวันออก สามารถเดินเท้าไปทางทิศตะวันออกของประตูท่าแพ วัดอยู่ทางขวามือก่อนถึงแม่น้ำปิง
รถยนต์ส่วนตัว:
- ขับรถไปตามถนนท่าแพ วัดอยู่ทางขวามือก่อนถึงสี่แยกกาดหลวง (ตลาดวโรรส) ที่จอดรถภายในวัดมีจำกัด ควรหาที่จอดริมถนนใกล้เคียง
คำแนะนำ
-
แต่งกายสุภาพ เนื่องจากเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
-
สังเกตความงดงามของวิหารลายคำและลวดลายทองล่องชาด
-
ชมการผสมผสานศิลปะล้านนา พม่า และตะวันตกภายในอาคารต่าง ๆ
-
บริเวณวัดเคยมีหอคอยยามในอดีต ซึ่งเป็นจุดสังเกตสำคัญของกำแพงเมืองด้านตะวันออก
-
ถ่ายภาพช่วงเช้าหรือบ่ายแก่ ๆ จะได้แสงสวยที่สุด
ค่าเข้าชม:
- ไม่มีค่าเข้าชม
เวลาเปิด-ปิด:
- เปิดทุกวัน 08:00–17:00 น.