“วัดบวกครกหลวงโดดเด่นด้วยจิตรกรรมฝาผนังในวิหารที่เล่าเรื่องทศชาติชาดกหลายเรื่องอย่างมีชีวิตชีวา สะท้อนวิถีชีวิตผู้คนในสมัยรัชกาลที่ 5 สถาปัตยกรรมวิหารล้านนาผสมไทใหญ่ยังคงรูปแบบดั้งเดิม และองค์เจดีย์ทรงปราสาทบุด้วยทองจังโกสร้างความงดงามและศรัทธาให้แก่วัด”
วัดบวกครกหลวง เดิมชื่อ วัดม่วงคำ สร้างขึ้นเมื่อใดไม่มีหลักฐานแน่ชัด แต่จากการสืบประวัติภาพจิตรกรรมฝาผนัง สันนิษฐานว่าวิหารมีอายุไม่ต่ำกว่า 300 ปี ชื่อ "บวกครกหลวง" มาจากภาษาพื้นเมือง โดย "บวกครก" แปลว่า หลุม และ "หลวง" แปลว่า ใหญ่ ซึ่งอาจตั้งตามชื่อหมู่บ้าน หรือมาจากนิทานพื้นบ้านที่เล่าว่า เจ้านายในอดีตได้ขุดหลุมขนาดใหญ่เพื่อตำข้าวแจกจ่ายประชาชนในยามข้าวยากหมากแพง
สถาปัตยกรรมวิหารล้านนาโบราณ
วิหารเป็นอาคารก่ออิฐถือปูนผสมโครงสร้างไม้ขนาดใหญ่ มีสัดส่วนงดงามตามแบบสถาปัตยกรรมล้านนา โดยมีลักษณะสำคัญดังนี้:
-
โครงสร้างภายใน: วิหารเดิมเป็นอาคารโถง เน้นให้เห็นโครงสร้างไม้แบบ "ม้าตั่งไหม" อันเป็นลักษณะเฉพาะของล้านนา โดยมีเสาขนาดใหญ่ 12 ต้น ตั้งอยู่กลางวิหารเพื่อรับน้ำหนักหลังคาทั้งหมด ภายหลังจึงมีการทำผนังทึบขึ้น 3 ด้าน (ด้านข้างและด้านหลัง)
-
หลังคาและหน้าบัน: หลังคาเป็นแบบจั่วซ้อน 3 ชั้น มุงด้วยกระเบื้องดินเผา มีช่อฟ้าและหางหงส์เป็นรูปนาค ตามคติความเชื่อที่ว่าวิหารคือเขาพระสุเมรุ ต้องมีนาคคอยดูแล หน้าบันสลักไม้แบ่งเป็นช่องแบบฝาปะกน ประดับกระจกสวยงาม และมีจารึกปี พ.ศ. 2468 ซึ่งเป็นหลักฐานการบูรณะครั้งใหญ่ในสมัยเจ้าแก้วนวรัฐ (เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่องค์สุดท้าย)
-
ทางเข้าและองค์ประกอบ: ทางเข้าด้านหน้าทำเป็นราวบันไดรูปมกรคายนาคปากนกแก้ว ซึ่งถือเป็นลักษณะพิเศษเฉพาะตัวที่ไม่พบในที่อื่น มุมวิหารประดับด้วยปูนปั้นรูปเทพพนมยืน และมีธรรมาสน์เทศน์ทรงปราสาทเก่าแก่สวยงามตามแบบล้านนา รวมถึงสัตตภัณฑ์ ซึ่งเป็นเครื่องสักการบูชาตามความเชื่อไตรภูมิของชาวล้านนา
จิตรกรรมฝาผนัง (ฮูปแต้ม) ฝีมือช่างไทใหญ่
จิตรกรรมฝาผนังในวิหารเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวและผู้สนใจด้านศิลปะอย่างยิ่ง มีอายุเก่าแก่และได้รับการยกย่องเป็นงานฝีมือช่างชาวไทใหญ่ที่ละเอียดประณีต:
-
เนื้อหา: ภาพจิตรกรรมมีทั้งหมด 14 ห้อง เล่าเรื่องพุทธประวัติและทศชาติชาดก โดยที่วัดบวกครกหลวงนี้เขียนเรื่องราวทศชาติชาดกถึง 6 เรื่อง (เช่น เตมียชาดก, มโหสถชาดก, เวสสันดรชาดก) ซึ่งถือว่ามากกว่าวัดอื่น ๆ ในล้านนา
-
เอกลักษณ์: โดดเด่นด้วยการใช้สีสันที่สดจัดจ้าน และรอยพู่กันที่ป้ายแต้มอย่างอิสระ มีชีวิตชีวา โดยเฉพาะฉากธรรมชาติอย่างเนินเขา โขดหิน และลำน้ำ
-
คุณค่าทางสังคม: ภาพวาดไม่ได้บอกเล่าแค่เรื่องราวทางศาสนา แต่ยังเป็นบันทึกทางประวัติศาสตร์สังคมที่ชัดเจน โดยมีการถ่ายทอดรูปแบบสถาปัตยกรรม การแต่งกาย (ทั้งแบบคนพื้นเมืองและแบบพม่า/ไทใหญ่สำหรับชนชั้นเจ้า) และข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันของชาวล้านนาในสมัยนั้น
วิธีการเดินทาง
โดยรถยนต์ส่วนตัว/รถรับจ้าง:
- วัดตั้งอยู่บนถนนสายเชียงใหม่-สันกำแพงสายเก่า หากมาจากในเมืองเชียงใหม่ ให้ขับไปทางทิศตะวันออก ผ่านสี่แยกหนองประทีป ไปตามถนนเชียงใหม่-สันกำแพง เลยจากทางแยกเข้าสันกำแพง (ทางหลวงหมายเลข 1006) มาเล็กน้อย ทางเข้าวัดจะอยู่ทางขวามือ
คำแนะนำ
-
สามารถเยี่ยมชมได้ตลอดทั้งปี เนื่องจากเป็นศาสนสถานภายในอาคาร ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือช่วงเช้าถึงบ่ายแก่ ๆ เพราะแสงสว่างช่วยให้มองเห็นรายละเอียดของจิตรกรรมฝาผนังได้ชัดเจน
-
เนื่องจากวิหารเป็นโบราณสถานเก่าแก่และจิตรกรรมมีความบอบบาง ควรเดินชมอย่างสำรวม ไม่สัมผัสหรือใช้มือลูบไล้ภาพเขียนเพื่อป้องกันความเสียหาย
-
ควรแต่งกายสุภาพเมื่อเข้าเยี่ยมชมวัด
-
สำหรับผู้ที่สนใจด้านศิลปะล้านนาโบราณ ควรใช้เวลาในวิหารเพื่อพินิจพิจารณารายละเอียดของภาพวาดแต่ละภาพ ซึ่งเต็มไปด้วยเรื่องราวและสุนทรียภาพ
-
วัดอยู่ใกล้กับแหล่งท่องเที่ยวและร้านอาหารชื่อดังหลายแห่งบนถนนเชียงใหม่-สันกำแพงสายเก่า สามารถจัดเป็นทริปครึ่งวันคู่กับการเยี่ยมชมสถานที่ใกล้เคียงได้
ค่าเข้าชม:
- ไม่มีค่าเข้าชม
เวลาเปิด-ปิด:
- เปิดทุกวัน เวลาประมาณ 06:00 – 19:00 น. (ควรเข้าชมในช่วงเวลากลางวัน)
รีวิวทั้งหมด
(รีวิว 2 รายการ)รีวิวเมื่อ 29 ก.ค. 53
รีวิวเมื่อ 29 ก.ค. 53