“วิหารหินโบราณแห่งเมืองมรัคอู ที่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบป้อมปราการ และทางเดินภายในซับซ้อนราวกับเขาวงกต”
วัดทุกข์ขันธ์เทียน เป็นหนึ่งในโบราณสถานที่สำคัญที่สุดของเมืองมรัคอู ซึ่งเคยเป็นราชธานีของอาณาจักรมรัคอูแห่งรัฐยะไข่ในอดีต สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1571 (พ.ศ. 2114) โดยพระเจ้า มินฟาลอง (King Min Phalaung) พระมหากษัตริย์ผู้ปกครองในยุคที่เมืองมรัคอูรุ่งเรืองสูงสุดด้านศิลปวัฒนธรรมและศาสนา
สถาปัตยกรรมของวิหารแห่งนี้แตกต่างจากวัดอื่นๆ ในเมียนมา เพราะถูกออกแบบให้มีลักษณะคล้าย ป้อมปราการหิน มีผนังหนาหลายเมตรและทางเดินคดเคี้ยวแบบเขาวงกต ซึ่งทั้งช่วยควบคุมอุณหภูมิภายในให้เย็นสบาย และยังทำหน้าที่เป็นทางหลบภัยในยามสงครามอีกด้วย จึงสะท้อนถึงแนวคิด “ศาสนสถานในฐานะที่พักพิง” ซึ่งพบไม่บ่อยในศิลปะพม่า
ภายในประกอบด้วยทางเดินยาววนรอบเป็นวง โดยมีห้องโถงกลางประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ใหญ่หนึ่งองค์ ซึ่งถือเป็นพระประธาน ส่วนตามผนังของทางเดินทั้งสองข้างประดับด้วยพระพุทธรูปหินขนาดเล็กกว่า 29 องค์ วางเรียงในซุ้มช่องคล้ายถ้ำ สื่อถึงพระพุทธเจ้าทั้ง 29 พระองค์ในคติพุทธศาสนาเถรวาท แต่ละองค์มีรูปแบบและปางที่แตกต่างกันไปอย่างละเอียดอ่อน
แม้วิหารจะถูกสร้างจากหินทรายและอิฐดินเผาโดยไม่ใช้ปูนเชื่อมต่อ แต่ด้วยฝีมือการก่อสร้างที่ประณีตและระบบระบายน้ำที่ดี ทำให้วิหารคงสภาพสมบูรณ์มาหลายศตวรรษจนถึงปัจจุบัน ด้านบนของวัดมี เจดีย์ทรงระฆัง เล็ก ๆ อยู่ตรงกลางหลังคา ซึ่งเชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์แทนภูเขาเมรุในจักรวาลคติ
นักโบราณคดีเชื่อว่าวัดทุกข์ขันธ์เทียนอาจถูกใช้เป็นทั้งสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาและเป็นที่เก็บรักษาพระบรมสารีริกธาตุของกษัตริย์ รวมถึงเป็นที่หลบภัยของประชาชนในช่วงสงคราม เนื่องจากภายในมีห้องซ่อนและทางเดินลับหลายแห่ง
ปัจจุบัน วัดทุกข์ขันธ์เทียนถือเป็นจุดหมายสำคัญของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเมืองมรัคอู เนื่องจากสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองได้จากเนินที่ตั้งวัด และเมื่อแสงอาทิตย์ตกกระทบผิวหินสีเทาเข้มของวิหารในยามเย็น จะเกิดแสงทองอ่อนงดงามที่ชวนให้รู้สึกถึงความขลังของอดีตกาล
วิธีการเดินทาง
- เนื่องจากมรัคอูไม่มีสนามบิน การเดินทางหลักคือโดยสารเรือจากเมืองซิตตเว (Sittwe) ใช้เวลาประมาณ 7-8 ชั่วโมง หรืออาจเดินทางด้วยรถยนต์แล้วต่อเรือตามเส้นทางที่กำหนด
คำแนะนำ
-
ควรมาเยือนในช่วงเช้าหรือช่วงเย็นเพื่อหลีกเลี่ยงอากาศร้อนและชมบรรยากาศแสงแดดยามอาทิตย์ขึ้น–ตกที่งดงาม
-
ควรนำไฟฉายหรือโทรศัพท์ที่มีไฟส่องสว่าง เพราะทางเดินภายในค่อนข้างมืด
-
นอกจากนี้ควรแต่งกายสุภาพและถอดรองเท้าก่อนเข้าวิหารตามธรรมเนียมเมียนมาร์
ค่าเข้าชม:
- มักจะรวมอยู่ใน ค่าธรรมเนียมเข้าชมเขตโบราณสถานมรัคอู ที่ต้องชำระเมื่อเดินทางมาถึง
เวลาเปิดปิดทำการ:
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00–17.00 น