“พระธาตุเจดีย์หลวงที่ถือว่าเป็นพระธาตุที่มีความสูงที่สุดในภาคเหนือ สร้างในสมัยพญาแสนเมืองมา พ.ศ.1928-1945”
วัดเจดีย์หลวง เป็นวัดสำคัญกลางเมืองเชียงใหม่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมาตั้งแต่สมัยล้านนา สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1928 โดยพระเจ้าแสนเมืองมา เพื่อบรรจุพระอัฐิของพระบิดา และต่อมาได้รับการก่อสร้างเพิ่มเติมโดยพระนางจิรประภา พระราชชายา ซึ่งเป็นพระมเหสีของพระเจ้าติโลกราช ทำให้เจดีย์มีความสูงราว 82 เมตร ถือว่าเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในภาคเหนือในสมัยนั้น
อย่างไรก็ตาม ในปี พ.ศ. 2088 ได้เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง ทำให้ยอดของเจดีย์พังทลายลง เหลือความสูงเพียงประมาณ 60 เมตร ปัจจุบันยังสามารถเห็นร่องรอยการพังของเจดีย์ได้อย่างชัดเจน ถือเป็นหนึ่งในมรดกสำคัญที่สะท้อนถึงประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมแบบล้านนาอย่างแท้จริง
อีกทั้งวัดแห่งนี้ยังเคยเป็นที่ประดิษฐานของ “พระแก้วมรกต” หรือ “พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร” องค์จำลองก่อนจะถูกอัญเชิญไปประดิษฐาน ณ วัดพระแก้ว กรุงเทพฯ
วัดเจดีย์หลวงยังเป็นสถานที่ที่ "หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต" พระอาจารย์สายกรรมฐานผู้ยิ่งใหญ่ เคยจำพรรษาและปฏิบัติธรรม ณ สถานที่แห่งนี้ ถือเป็นจุดแสดงถึงความรุ่งเรืองของพุทธศาสนาในดินแดนล้านนา
สถานที่สำคัญภายในวัด:
-
เจดีย์หลวง: องค์เจดีย์ขนาดใหญ่ที่สูงที่สุดในภาคเหนือในอดีต
-
พระวิหารหลวง: อาคารไม้ขนาดใหญ่ที่มีงานแกะสลักแบบล้านนา
-
เสาอินทขิล: เสาศักดิ์สิทธิ์ประจำเมืองเชียงใหม่ เชื่อว่าช่วยคุ้มครองบ้านเมือง
-
วิหารพระเจ้าติลก: วิหารที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญจากสมัยพระเจ้าติโลกราช
-
กุฏิเก่าและพื้นที่ที่หลวงปู่มั่นเคยจำพรรษา: สถานที่สำคัญทางจิตวิญญาณและปฏิบัติธรรม
วิธีการเดินทาง
วัดเจดีย์หลวงตั้งอยู่ใจกลางเมืองเชียงใหม่ บนถนนพระปกเกล้าในเขตตำบลพระสิงห์ การเดินทางไปยังวัดนี้สามารถทำได้หลายวิธี ดังนี้
-
จากสนามบินเชียงใหม่:
ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์หรือแท็กซี่ประมาณ 15 นาที (ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร) ผ่านถนนสนามบินไปยังถนนช้างคลาน เลี้ยวเข้าสู่ถนนพระปกเกล้า วัดจะอยู่ทางซ้ายมือ ใกล้กับประตูท่าแพ -
โดยรถประจำทาง (รถแดง) และรถสองแถว:
นักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถแดงหรือรถสองแถวสีแดงซึ่งเป็นรถโดยสารสาธารณะที่นิยมในเชียงใหม่ โดยสามารถบอกให้คนขับส่งที่วัดเจดีย์หลวงได้เลย ค่าโดยสารไม่แพงและสะดวก -
โดยรถจักรยานยนต์หรือรถเช่า:
ถนนรอบ ๆ วัดเจดีย์หลวงมีที่จอดรถสำหรับรถยนต์และรถจักรยานยนต์ เหมาะสำหรับผู้ที่เช่ารถขับเอง สามารถจอดรถบริเวณใกล้เคียงและเดินเข้าไปในวัดได้ -
เดินเท้า:
หากพักอยู่ในตัวเมืองเชียงใหม่ บริเวณถนนคนเดินท่าแพ สามารถเดินเท้าไปยังวัดเจดีย์หลวงได้ง่าย ภายในระยะทาง 1 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที
คำแนะนำ
-
ควรแต่งกายสุภาพและเหมาะสมกับการเข้าสถานที่ศาสนา
-
ระมัดระวังการถ่ายภาพในบริเวณที่ห้ามถ่าย
-
แนะนำให้มาเยี่ยมชมในช่วงเช้าหรือเย็นเพื่อเลี่ยงแดดร้อนและคนจำนวนมาก
-
สามารถเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาได้ตามกำหนดเวลาของวัด
ค่าธรรมเนียมเข้าชม:
- โดยทั่วไปไม่มีค่าธรรมเนียมเข้าชมวัดเจดีย์หลวง แต่บางครั้งอาจมีค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์หรืออาคารพิเศษ
เวลาทำการ:
- เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00 น. – 18.00 น.
รีวิวทั้งหมด
(รีวิว 7 รายการ)รีวิวเมื่อ 27 ก.ค. 53
เมื่อศัตรูยกพลเสนามารุกราน ล่วงล้ำเข้ามาในเขตพระราชอาณาจักร จะเกิดอาเพศ ท้องฟ้ามืดมิดด้วยเมฆหมอกปกคลุม ธรรมชาติวิปริตแปรปรวน น่ากลังยิ่งนัก ทำให้ผู้รุกราหวาดผวาภัยพิบัติ ตกใจกลัวแตกพ่ายหนีไป จึงได้ชื่อว่า “เมฆบังวัน”
เมื่อผู้รุกรานยกทัพเข้ามาใกล้ แม้จะมีพลโยธาทหารกล้าเรือนแสน ก็จะเกิดอาการมึนเมาลืมหลง ไม่อาจครองสติยับยั้งอยู่ได้ ต้องระส่ำระส่าย แตกพ่ายหนีไป จึงได้ชื่อว่า “ข่มพลแสน”
เมื่อข้าศึกศัตรูผู้รุกรานเข้ามา แม้จะมีกำลังพลมากมาย มีศาตรา มีด พร้า ด้ามคมเป็นแสนๆเล่ม ก็ไม่อาจเข้าใกล้ทำร้ายได้ มีแต่จะเกิดหวาดหวั่นขาดกลัวแตกหนีไป จึงได้ชื่อว่า “ดาบแสนด้าม”
เมื่อข้าศึกศัตรูผู้รุกรานเข้ามารานรบ แม้จะมีกำลังพลกล้าหาญมากมาย มีศาสตราอันคมยาว หอกแหลนหลาวเป็นแสน ก็ไม่อาจเข้ามาราวีได้ จึงต้องแตกพ่ายหนีไป จึงได้ชื่อว่า “หอกแสนลำ”
เมื่อข้าศึกศัตรูผู้รุกรานเข้ามา แม้จะมีกำลังพลจำนวนมาก มีอาวุธปืนเป็นแสนกระบอก ก็ไม่สามารถทำอันตรายได้ ต้องแตกพ่ายหนีไป จึงได้ชื่อว่า “ปืนแสนแหล้ง”
เมื่อผู้รุกรานบุกรุกเข้ามา แม้จะมีกำลังพลมากมาย มีหน้าไม้คันธนูเป็นแสนๆ ไม่สามารถทำอันตรายได้ ต้องแตกพ่ายหนีไป จึงได้ชื่อว่า “หน้าไม้แสนเกี๋ยง”
เมื่อข้าศึกอาจหาญล้ำแดนเข้ามา แม้ด้วยกำลังพลหัตถีนึก กองทัพช้างมีเป็นแสนเชือก ก็ไม่อาจหักหาญเข้ามาได้ มีแต่จะอลม่านแตกตื่นแกหนีไปสิ้น จึงได้ชื่อว่า “แสนเขื่อนกั้น” (บางแห่งเป็น แสนเขื่อนก๊าน)
เมื่อข้าศึกเข้ามาหมายย่ำยี ก็จะเกิดอาการร้อนเร่าเหมือนเพลิงเผาผลาญรอบด้าน เลยแตกพ่ายหนีไปด้วยความทุกข์ทรมาน จึงได้ชื่อว่า “ไฟแสนเต๋า”
รีวิวเมื่อ 27 ก.ค. 53
มหาเจดีย์หลวงที่พระนางเจ้าติโลกจุฑาราชเทวีทรงก่อสร้างนั้น พระนางทรงให้ยกฉัตรยอดมหาเจดีย์ แล้วปิดด้วยทองคำ พร้อมทั้งเอาแก้ว 3 ลูก ใส่ยอดมหาเจดีย์นั้นไว้ ประดับด้วยโขงประตูทั้ง 4 ด้าน มี พระพุทธรูปปูนปั้นประทับนั่งในโขงทั้ง 4 ด้าน มีรูป พญานาคปั้นเต็มตัว 8 ตัว ตัวละ 5 หัว อยู่ใน 2 ข้างบันได รูปปั้นราชสีห์ 4 ตัว ตั้งอยู่ตรงสี่มุมของมหาเจดีย์ มีรูปปั้นช้างค้ำรายล้อมรอบองค์เจดีย์หลวงนั้นมี 28 เชือก แต่ในประวัติศาสตร์มีเพียง 8 เชือกเท่านั้น ที่มีการตั้งชื่อให้เฉพาะ ซึ่งชื่อช้าง 8 เชือกที่ล้อมเจดีย์หลวง นับจากนับตามลำดับตั้งแต่ตัวที่อยู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ (ทิศอีสาน) เวียนมาตามทอศตะวันออก มีดังนี้
ตัวที่ 1 เมฆบังวัน ตัวที่ 2 ข่มพลแสน
ตัวที่ 3 ดาบแสนด้าม ตัวที่ 4 หอกแสนลำ
ตัวที่ 5 ก๋องแสนแหล้ง ตัวที่ 6 หน้าไม้แสนเปียง
ตัวที่ 7 แสนเขื่อนก๊าน ตัวที่ 8 ไฟแสนเต๋า
รีวิวเมื่อ 27 ก.ค. 53
พระธาตุเจดีย์หลวงนั้นถูกสร้างขึ้นในในรัชสมัยพญาแสนเมืองมา (พ.ศ. 1928 - 1945) กษัตริย์องค์ที่ 7 แห่งราชวงศ์มังราย ซึงเป็นกษัตริย์ที่ปกครองเมืองเชียงใหม่ในขณะนั้น สร้างขึ้นเพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้พญากือนา พระราชบิดา ซึ่งมีตำนานเล่ามาว่า พญากือนาซึ่งได้สวรรคตไปแล้ว ได้ปรากฏตัวแก่พ่อค้าชาวเชียงใหม่ที่เดินทางไปค้าขายที่พม่า ให้มาบอกว่าแก่พญาแสนเมืองมาผู้เป็นโอรสว่า ให้สร้างเจดีย์ไว้ท่ามกลางเวียง ให้สูงใหญ่พอให้คนที่อยู่ไกล 2000 วา สามารถมองเห็นได้ แล้วอุทิศบุญกุศลเหล่านนี้ให้แก่พญากือนา เพื่อให้พญากือนานั้นสามารถไปเกิดในเทวโลกได้ แต่พญาแสนเมืองมาเสด็จสวรรคตเสียก่อน พระนางเจ้าติโลกจุฑาราชเทวีผู้เป็นมเหสีได้สืบทอด เจตนารมณ์สร้างต่อ จนเสร็จในรัชสมัยพญาสามฝั่งแกน ใช้เวลาสร้าง 5 ปี
ต่อมาได้มีการปฏิสังขรณ์ในสมัยพญาติโลกราช (พ.ศ. 1984 - 2030) พระองค์โปรดให้หมื่นด้ามพร้าคต นายช่างใหญ่ทำการปฏิสังขรณ์ โดยมีพระมหาสวามีสัทธัมกิติ เจ้าอาวาสองค์ที่ 7 ของวัดโชติการาม (วัดเจย์หลวง) เป็นกำลังสำคัญในการควบคุมดูแล และประสานงาน การปฏิรูปและก่อสร้างครั้งนี้ได้สร้างขยายเจดีย์ให้ใหญ่กว่าเดิม ใช้เวลาในการก่อสร้าง 3 ปี จึงแล้วเสร็จ
ในสมัยมหาเทวีจิรประภา รัชกาลที่ 15 แห่งราชวงศ์มังราย เกิดพายุฝนตกหนัก แผ่นดินไหว พระมหาเจดีย์หลวงได้พังทลายลงมาเหลือเพียงครึ่งองค์ จากนั้นก็ถูกปล่อยทิ้งร้างไปนานกว่า 4 ศตวรรษ พระมหาเจดีย์หลวงที่เห็นปัจจุบันกรมศิลปกรเพิ่งจะ บูรณปฏิสังขรณ์เสร็จไปเมื่อ พ.ศ. 2535
รีวิวเมื่อ 27 ก.ค. 53
รีวิวเมื่อ 27 ก.ค. 53
องค์พระ หล่อด้วยทองสำริดสูงใหญ่ ปางห้ามญาติ สูง 8.23 เมตร พุทธลักษณะสง่างามที่สุดในอาณาจักรล้านนา โดยเฉพาะพระพักตร์อ่อนโยนงดงามยิ่งนัก เป็นศิลปกรรมร่วมสมัยกับพระพุทธรูปแบบเชียงแสน หรือพระสิงห์
รีวิวเมื่อ 27 ก.ค. 53
รีวิวเมื่อ 27 ก.ค. 53
- พระเจดีย์หลวงสร้างขึ้นในรัชสมัยของพญาแสนเมืองมา เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้พญากือนา พระราชบิดา แต่สร้างไม่เสร็จ ได้เสด็จสวรรคตเสียก่อน
- ต่อมาพระนางเจ้าติโลกจุฑาราชเทวี พระมเหสีของพญาเมืองมา ก่อสร้างต่อจนแล้วเสร็จในรัชสมัยพญาสามฝั่งแกน เรียกกันว่า “กู่หลวง”
- พญาติโลกราช โปรดให้หมื่นด้ามพร้าคตเป็นนายช่างใหญ่ดำเนินการปฏิสังขรณ์รพระเจดีย์หลวง ตั้งแต่ประมาณ พ.ศ. 2021
- ในรัชสมัยพระเจ้ายอดเชียงรายได้ปิดทองภายในซุ้มจรนัมของพระเจดีย์ หลวงทั้ง 4 ด้าน
- ในรัชสมัยพระเจ้าเมืองแก้ว เมื่อ พ.ศ. 2046 ได้โปรดให้สร้างหอพระแก้ว และอัญเชิญพระแก้วมรกตลงมาประดิษฐาน สร้างมหาวิหาร ส่วนการบูรณะพระเจดีย์หลวงได้ดำเนินการเพียงเล็กน้อย
- ในที่สุดเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ในปีพ.ศ. 2088 ในรัชสมัยพระนางเจ้ามหาเทวีจิรประภา ยอดพระเจดีย์หลวงก็พังทลายลงมา เหลือให้เห็นดังสภาพปัจจุบัน (ก่อนการบูรณะของกรมศิลปกร)