“วัดที่มีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะสถานที่จำพรรษาของ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ อดีตเกจิอาจารย์ชื่อดัง และเป็นที่ตั้งของวิหารเทพวิทยาคม ซึ่งเป็นอาคารประติมากรรมช้างขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางบึงน้ำ”
วัดบ้านไร่ (Wat Ban Rai) เป็นวัดเก่าแก่ที่ถูกยกฐานะจากสำนักสงฆ์ให้เป็นวัดอย่างสมบูรณ์ในสมัยรัชกาลที่ 5 แต่การพัฒนาและชื่อเสียงอันโด่งดังของวัดแห่งนี้เกิดขึ้นอย่างก้าวกระโดดเมื่อ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ได้เข้ามาจำพรรษาและเป็นเจ้าอาวาส ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่ได้รับความเคารพศรัทธาอย่างสูงจากพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศในเรื่องของการประพฤติปฏิบัติอันเรียบง่าย และการสร้างวัตถุมงคลต่างๆ เพื่อนำรายได้มาสร้างสาธารณประโยชน์
องค์ประกอบสำคัญที่สุดและเป็นสัญลักษณ์ใหม่ของวัดบ้านไร่ คือ วิหารเทพวิทยาคม (อาคารปริสุทธปัญญา) ซึ่งเป็นอาคารที่โดดเด่นสะดุดตาด้วยรูปทรงช้างขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางบึงน้ำ สร้างขึ้นเพื่อเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา และเฉลิมพระเกียรติในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา วิหารแห่งนี้ถูกประดับตกแต่งด้วยงานศิลปะโมเสกจากกระเบื้องเซรามิกชิ้นเล็กๆ ทั้งภายนอกและภายในอย่างวิจิตรงดงามที่สุด
ภายในวิหารเทพวิทยาคมประกอบด้วยพื้นที่ 4 ส่วนหลัก ซึ่งเชื่อมโยงกับแนวคิดทางพุทธศาสนา:
-
ชั้นบาดาล: จัดแสดงเรื่องราวที่เกี่ยวกับนรกภูมิและผลกรรมที่เกิดจากการกระทำชั่ว โดยใช้ศิลปะเป็นสื่อเตือนสติให้มนุษย์เกรงกลัวต่อบาป
-
ชั้นมนุษย์: จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตและการทำงานของหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ตั้งแต่สมัยเยาว์วัยจนกระทั่งออกบวช รวมถึงหลักคำสอนและธรรมะต่างๆ ที่ท่านได้เผยแผ่ไว้
-
ชั้นสวรรค์: เป็นชั้นที่จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับสวรรค์และพระพุทธประวัติ รวมถึงเรื่องราวของพระโพธิสัตว์และเทพยดาต่างๆ เพื่อสื่อถึงการทำความดีและอานิสงส์
-
ยอดวิหาร: เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้กราบสักการะและสร้างบุญ
นอกจากวิหารเทพวิทยาคมแล้ว ภายในวัดยังมี ศาลาการเปรียญ ที่ใช้เป็นที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา และ กุฏิของหลวงพ่อคูณ ที่ยังคงเก็บรักษาไว้เพื่อระลึกถึงท่าน รวมถึง โรงทาน ที่มักจะเปิดบริการอาหารให้กับผู้มาเยือนในช่วงเทศกาลสำคัญต่างๆ บริเวณรอบวัดยังเป็นสระน้ำขนาดใหญ่ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยปลา ทำให้เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาพักผ่อนหย่อนใจและให้อาหารปลาด้วย
การเดินทางมาวัดบ้านไร่จึงไม่เพียงแต่เป็นการมาสักการะอดีตเกจิอาจารย์ที่ยิ่งใหญ่เท่านั้น แต่ยังเป็นการเข้าชมงานพุทธศิลป์โมเสกที่ยิ่งใหญ่และอลังการที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทยอีกด้วย
วิธีการเดินทาง
-
รถยนต์ส่วนตัว: จากตัวเมืองนครราชสีมา เดินทางตามถนนมิตรภาพ (ทล. 2) จนถึงกิโลเมตรที่ 237 เลี้ยวขวาเข้าสู่เส้นทางไปอำเภอด่านขุนทด เมื่อถึงโรงพยาบาลด่านขุนทด ให้ใช้ทางหลวงหมายเลข 2217 อีกประมาณ 11 กิโลเมตร
-
รถโดยสารสาธารณะ: นั่งรถโดยสารสาย นครราชสีมา – ด่านขุนทด แล้วต่อรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างหรือรถยนต์รับจ้างไปยังวัด
คำแนะนำ
-
การแต่งกาย: เนื่องจากเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ควรแต่งกายด้วยชุดสุภาพเรียบร้อย (งดเสื้อแขนกุด กางเกงหรือกระโปรงสั้นเหนือเข่า)
-
เวลาที่เหมาะสม: ควรหลีกเลี่ยงช่วงกลางวันที่อากาศร้อนจัด ควรมาในช่วงเช้าหรือช่วงบ่าย
-
การสำรวจวิหาร: ควรเผื่อเวลาเดินชมวิหารเทพวิทยาคม ซึ่งมีรายละเอียดงานศิลปะที่น่าสนใจในทุกชั้น
ค่าเข้าชม:
- ไม่มีค่าเข้าชม
เวลาเปิดปิดทำการ:
- เปิดบริการทุกวัน เวลาประมาณ 08.00 – 17.00 น.