“สถูปแห่งนี้เป็นเครื่องรำลึกถึงเหตุการณ์ปรินิพพานของพระพุทธเจ้า ภายในบริเวณเดียวกันมีวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปปางปรินิพพานอันงดงาม และยังคงรักษากลิ่นอายของป่าสาละที่เคยเป็นสถานที่ปรินิพพานดั้งเดิมไว้”

มหาปรินิพพานสถูป (Mahaparinirvana Stupa) ตั้งอยู่ ณ กุสินารา ในรัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย สถูปแห่งนี้มีความสำคัญสูงสุดในพระพุทธศาสนา เพราะเป็นจุดที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน (ปรินิพพาน) เมื่อพระชนมายุ 80 พรรษา เหตุการณ์อันยิ่งใหญ่นี้เกิดขึ้นใต้ต้นสาละคู่ ณ สาลวโนทยาน (ป่าสาละ) ของมัลลกษัตริย์ในเมืองกุสินารา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ แคว้นมัลละ โบราณ กุสินาราแห่งนี้ถือเป็นหนึ่งในสี่สังเวชนียสถานหลักที่พุทธศาสนิกชนทั่วโลกต่างมุ่งมั่นมาเยี่ยมเยือนเพื่อรำลึกถึงพุทธประวัติอันยิ่งใหญ่ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากเขตโครักขปูร์ และโดดเด่นในฐานะ เมืองแห่งสถูปและวิหาร ที่ตั้งอยู่ริมฝั่ง แม่น้ำคันธก

ประวัติศาสตร์ของกุสินาราย้อนไปถึงยุคก่อนพุทธกาล โดยเป็นหนึ่งในเมืองโบราณของอินเดีย และเป็นเมืองหลวงของแคว้นมัลละ ซึ่งมีระบบการปกครองแบบสาธารณรัฐ ร่วมกันปกครองโดยเจ้ามัลละสองเมืองคือ กุสินาราและเมืองปาวา หลังจากที่พระพุทธองค์ทรงดำเนินพุทธกิจเผยแผ่พระศาสนาเป็นเวลา 45 ปี พระองค์ผู้ทรงได้รับความอาพาธอย่างหนักในวาระสุดท้าย ได้เสด็จมายังกุสินารา ที่นี่ พระองค์ได้ทรงอุปสมบทสาวกองค์สุดท้ายคือ สุภัททะปริพาชก และตรัสพระปัจฉิมโอวาทแก่พระสงฆ์ ก่อนจะเสด็จดับขันธปรินิพพานในปี 487 ปีก่อนคริสตกาล

พระพุทธองค์ทรงเลือกปรินิพพาน ณ กุสินาราอันเป็นเมืองเล็กๆ แทนที่จะเป็นเมืองใหญ่อย่างสาวัตถีหรือราชคฤห์ตามที่พระอานนท์ได้กราบทูล ซึ่งพระองค์ทรงมีพระดำริลึกซึ้งถึงเหตุผลสำคัญหลายประการ:

  • ประการแรก เพื่อแสดงพระสุทัสสนสูตร ซึ่งเป็นธรรมะสำคัญที่พึงแสดง ณ สถานที่แห่งนั้น
  • ประการที่สอง เพื่อโปรดสุภัททะปริพาชกผู้เป็นสาวกองค์สุดท้ายให้บรรลุอรหัตผล
  • ประการที่สาม เพื่อป้องกันมิให้เกิดภัยสงครามจากการแย่งชิง พระบรมสารีริกธาตุ ในหมู่มหาอำนาจต่างๆ เพราะแม้กุสินาราจะเป็นเมืองเล็ก แต่ก็มีมัลลกษัตริย์ผู้กล้าหาญจำนวนมากที่พร้อมจะปกป้องพระบรมสารีริกธาตุ.

นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงระลึกถึงอดีตของกุสินาราว่าครั้งหนึ่งเคยเป็นเมืองที่ยิ่งใหญ่และรุ่งเรืองในชื่อ "กุสาวดี" มีความยาวถึง 12 โยชน์ กว้าง 7 โยชน์ ปกครองโดยธรรมโดยกษัตริย์พระนามว่า พระมหาสุทัศน์ ผู้ทรงมีรัตนะ 7 ประการ และเมืองนั้นกึกก้องไปด้วยเสียง 10 ประการ แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์และเป็นมหานครแห่งความสุขในอดีต.

สถานที่แห่งนี้ได้รับการบูรณะและพัฒนาเพื่อรักษามรดกทางวัฒนธรรมและศาสนาอันล้ำค่า พระเจ้าอโศกมหาราชเคยเสด็จธรรมยาตรามายังกุสินาราในปี 260 ปีก่อนคริสตกาล และได้ทรงสร้างเจดีย์ (caityas) และสถูปหลายแห่งเพื่อเป็นเครื่องสักการะ ณ สถานที่ปรินิพพานของพระพุทธเจ้า มหาปรินิพพานสถูป และพุทธสถานอื่นๆ ในกุสินาราได้รับการขยับขยายอย่างต่อเนื่องในสมัย จักรวรรดิกุษาณะ (ประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 1-3) และเข้าสู่ยุคทองในสมัย จักรวรรดิคุปตะ (ประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 4-7) ซึ่งเป็นช่วงที่มีการขยาย มหาปรินิพพานสถูป ครั้งใหญ่ และมีการสร้าง มหาปรินิพพานวิหาร พร้อมด้วย พระพุทธรูปปางปรินิพพาน ขนาดใหญ่ขึ้นมาใหม่. สถูปที่เห็นในปัจจุบันมีความสูงประมาณ 6.1 เมตรจากพื้นดิน และมีฉัตรสามชั้นอยู่ด้านบน เป็นสัญลักษณ์แห่งการเคารพบูชาสูงสุด

ติดกับสถูปคือ มหาปรินิพพานวิหาร ซึ่งเป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธรูปปางปรินิพพาน อันศักดิ์สิทธิ์ที่แกะสลักจากหินทรายแดงมีความยาว 6.1 เมตร (20 ฟุต) ประดิษฐานอยู่บนแท่นหิน โดยแสดงถึงพระพุทธองค์ในท่านอนสีหไสยาสน์ (นอนตะแคงขวา) มีพระเศียรหันไปทางทิศเหนือ ใบหน้าเปี่ยมด้วยพระเมตตาและความสงบ สถาปัตยกรรมของวิหารนี้มีการจำลองระเบียงหน้าถ้ำอชันตาที่งดงาม ซึ่งสะท้อนถึงอิทธิพลทางศิลปะในยุคโบราณ ใกล้กับพระสถูปนี้ยังเป็นจุดที่พระพุทธสรีระของพระพุทธเจ้าประดิษฐานอยู่เป็นเวลา 7 วัน ก่อนที่จะอัญเชิญไปถวายพระเพลิงพระบรมศพ ณ มกุฏพันธนเจดีย์ ที่อยู่ห่างออกไปทางตะวันออกประมาณ 1.5 กิโลเมตร

ปัจจุบัน กุสินาราและมหาปรินิพพานสถูปได้รับการดูแลอย่างดีจากรัฐบาลอินเดียและคณะสงฆ์นานาชาติ มีวัดวาอารามที่สร้างโดยพุทธศาสนิกชนจากทั่วโลก เพื่อรองรับผู้แสวงบุญและนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยี่ยมชม โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสำคัญทางพุทธศาสนา สถานที่แห่งนี้จะเต็มไปด้วยผู้แสวงบุญที่มาร่วมประกอบพิธีทางศาสนาในบรรยากาศที่เปี่ยมด้วยศรัทธาและความสงบ ผู้มาเยือนจะได้สัมผัสกับความลึกซึ้งของธรรมะเรื่องอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา และความไม่เที่ยงของสังขารทั้งปวง.

มหาปรินิพพานสถูปจึงเป็นสถานที่ที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้แสวงบุญชาวพุทธ, นักประวัติศาสตร์, ผู้สนใจศึกษาพุทธศิลป์, และนักเดินทางที่ต้องการสัมผัสความสงบทางจิตวิญญาณในสถานที่ซึ่งเป็นจุดจบแห่งพุทธกิจอันยิ่งใหญ่ของพระพุทธองค์.


วิธีการเดินทาง
  • โดยเครื่องบิน: สนามบินที่ใกล้ที่สุดคือ สนามบินโครักขปูร์ (Gorakhpur Airport - GOP) ห่างจากกุสินาราประมาณ 55 กิโลเมตร จากนั้นสามารถต่อรถแท็กซี่หรือรถบัสมายังกุสินาราได้

  • โดยรถไฟ: สถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุดคือสถานีโครักขปูร์ (Gorakhpur Junction - GKP) ซึ่งเป็นศูนย์กลางรถไฟที่สำคัญ เชื่อมต่อกับเมืองใหญ่ทั่วอินเดีย จากสถานีรถไฟสามารถนั่งรถแท็กซี่หรือรถบัสท้องถิ่นมายังกุสินาราได้

  • โดยรถบัส: กุสินารามีเครือข่ายรถบัสเชื่อมต่อกับเมืองสำคัญอื่นๆ ในรัฐอุตตรประเทศ


คำแนะนำ
  • ช่วงเวลาที่ดีที่สุด: ช่วงเดือนตุลาคมถึงมีนาคมเป็นช่วงที่อากาศเย็นสบายและเหมาะแก่การเดินทางมากที่สุด หลีกเลี่ยงช่วงฤดูร้อน (เมษายน-มิถุนายน) ที่อากาศร้อนจัด และฤดูมรสุม (กรกฎาคม-กันยายน) ที่มีฝนตกชุก

  • การแต่งกาย: เนื่องจากเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ควรแต่งกายสุภาพเรียบร้อย มิดชิด และถอดรองเท้าก่อนเข้าชมวิหารหรือบริเวณที่กำหนด

  • ความสะดวกสบาย: เตรียมน้ำดื่มให้เพียงพอ และอาจมีร้านค้าหรือบริการอาหารไม่มากนักในบางพื้นที่ ควรเตรียมพร้อม

  • การเดินทางในท้องถิ่น: สามารถใช้รถสามล้อเครื่อง (auto-rickshaw) หรือรถแท็กซี่ในการเดินทางระหว่างจุดต่างๆ ภายในกุสินารา


ค่าธรรมเนียมเข้าชม:

  • ค่าเข้าชม: โดยทั่วไปไม่เก็บค่าเข้าชมหลักสำหรับมหาปรินิพพานสถูปและวิหาร อย่างไรก็ตาม อาจมีค่าธรรมเนียมเล็กน้อยสำหรับการถ่ายภาพ หรือสำหรับการบริจาคเพื่อบำรุงสถานที่ 

เวลาเปิดทำการ: 

  • เวลาเปิดทำการ: โดยทั่วไปเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07:00 น. ถึง 17:00 น. (อาจมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยตามฤดูกาลหรือเทศกาล ควรตรวจสอบ ณ สถานที่จริงอีกครั้ง)

มหาปรินิพพานสถูป

แชร์

กุสินารา โคราฆปุระ รัฐ อุตตรประเทศ 274403 อินเดีย แผนที่

รีวิว 0 รายการ | ศิลปะวัฒนธรรม,ท่องเที่ยว,โบราณสถาน

เปิด : 7.00 - 17.00

จ.7.00 - 17.00
อ.7.00 - 17.00
พ.7.00 - 17.00
พฤ.7.00 - 17.00
ศ.7.00 - 17.00
ส.7.00 - 17.00
อา.7.00 - 17.00

+91 731 738 6483

3868

ทริปของคุณ

ลบออก

รีวิวทั้งหมด

(รีวิว 0 รายการ)

สถานที่ใกล้เคียง

วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์

(รีวิว 0 รายการ)

ห่าง 0.56

มกุฏพันธนเจดีย์ กุสินารา มกุฏพันธนเจดีย์ กุสินารา

(รีวิว 0 รายการ)

ห่าง 1.43

เข้าชมล่าสุด

ท่าเรือซีฟู๊ด ท่าเรือซีฟู๊ด (รีวิว 4 รายการ)
ลีวาน่า ลีวาน่า (รีวิว 0 รายการ)