“ถูปแห่งนี้เป็นอนุสรณ์สถานสำคัญที่พระเจ้าอโศกมหาราชทรงสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึก ณ จุดถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของพระพุทธเจ้า ซึ่งแสดงถึงความยิ่งใหญ่ทางประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมโบราณที่ได้รับการบูรณะอย่างดี”
มกุฏพันธนเจดีย์ (Mukutbandhana Stupa) เป็นสถานที่ที่มีความสำคัญและมีชื่อเสียงอย่างยิ่งในฐานะอนุสรณ์สถานศักดิ์สิทธิ์ทางพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นจุดที่ ถวายพระเพลิงพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
สถานที่แห่งนี้มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน เดิมถูกสร้างขึ้นโดย พระเจ้าอโศกมหาราช กษัตริย์ผู้ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์พระพุทธศาสนาอย่างยิ่งใหญ่ ในอดีต บริเวณนี้เป็นเพียง เชิงตะกอนไม้จันทน์หอม ที่ใช้ในการถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของพระองค์
-------------------------------------------------------
ประวัติความเป็นมาและการถวายพระเพลิง
ตามคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา หลังจากที่ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน ณ เมืองกุสินารา เจ้ามัลละแห่งกุสินาราได้พยายามถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ แต่เชิงตะกอนที่ทำจากไม้จันทน์หอมกลับไม่สามารถจุดไฟได้ เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันนี้เกิดขึ้นเนื่องจาก พระมหากัสสปะเถระ หนึ่งในอัครสาวกเบื้องซ้ายของพระพุทธเจ้า ซึ่งกำลังเดินทางอยู่ในขณะนั้น ยังไม่ได้มาถวายความเคารพเป็นครั้งสุดท้าย
เมื่อ พระมหากัสสปะพร้อมด้วยภิกษุ 500 รูป เดินทางมาถึง ท่านได้กระทำประทักษิณ (เดินเวียนขวา) พระพุทธสรีระ 3 รอบ ด้วยความเคารพอย่างสุดซึ้ง เล่ากันว่าในขณะนั้นเอง เชิงตะกอนก็ลุกไหม้ขึ้นเองอย่างปาฏิหาริย์ เผาผลาญพระพุทธสรีระจนไม่เหลือเถ้าถ่านหรือเขม่าควัน คงเหลือไว้เพียง พระบรมสารีริกธาตุ ที่ไม่สามารถถูกทำลายได้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นใน วันอัฏฐมีบูชา ซึ่งเป็นวันแรม 8 ค่ำ เดือน 6 หรือ 8 วันหลังจากการปรินิพพานของพระพุทธองค์
-------------------------------------------------------
การแบ่งพระบรมสารีริกธาตุ
ภายหลังการถวายพระเพลิง พระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า ได้กลายเป็นที่ต้องการอย่างสูงจากอาณาจักรและกลุ่มชนผู้มีอำนาจต่างๆ ซึ่งปรารถนาจะนำไปประดิษฐานในสถูปเพื่อการสักการบูชา หลังจากมีการถกเถียงกันในเบื้องต้น พระบรมสารีริกธาตุได้ถูกแบ่งออกเป็น 8 ส่วนหลัก โดยพราหมณ์โทณะ ซึ่งทำหน้าที่เป็นคนกลางในการแบ่งส่วน พระธาตุทั้ง 8 ส่วนนี้ได้ถูกแจกจ่ายให้กับ:
- เจ้ามัลละแห่งกุสินารา
- พระเจ้าอชาตศัตรูแห่งมคธ
- เจ้าลิจฉวีแห่งเวสาลี
- เจ้าศากยะแห่งกบิลพัสดุ์
- เจ้าพุลลีแห่งอัลลกัปปะ
- เจ้าโกลิยะแห่งรามคาม
- เจ้ามัลละแห่งปาวา
- พราหมณ์แห่งเวฏฐทีปกะ
นอกจากนี้ ยังมีพระบรมสารีริกธาตุอีก 2 ส่วนที่ถูกกล่าวถึง คือ พระทันตธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ส่วนหนึ่งได้ประดิษฐานอยู่บน สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ (ในจุฬามณีเจดีย์) และอีกส่วนหนึ่งได้ไปประดิษฐานยังเมืองกลิงคะ (และต่อมาได้อัญเชิญมายังศรีลังกา) ส่วนพระธาตุที่เป็นบาตรของพระพุทธเจ้าก็ได้ถูกมอบให้กับอีกกลุ่มหนึ่ง ผู้รับพระธาตุแต่ละองค์ได้นำไปประดิษฐานในสถูปอันวิจิตรงดงามในดินแดนของตน
-------------------------------------------------------
การบูรณะและพัฒนา
หลังจากพระเจ้าอโศกมหาราชทรงสร้างสถูปองค์แรกขึ้นมาแล้ว สถานที่แห่งนี้ได้รับความเสียหายจากการรุกรานเมืองกุสินาราในยุคต่อมา ทำให้คงเหลือเพียงซากปรักหักพังมาหลายศตวรรษ อย่างไรก็ตาม ซากของพระสถูปอันยิ่งใหญ่แห่งนี้ก็ได้ถูกค้นพบในเวลาต่อมา และ รัฐบาลอินเดีย ได้ดำเนินการบูรณะซ่อมแซมอย่างยอดเยี่ยม ทำให้พุทธสถานแห่งนี้กลับคืนสู่สภาพที่สง่างามอีกครั้ง ปัจจุบัน ซากสถูปที่มองเห็นได้มี ความยาวรอบฐาน 46.14 เมตร และเส้นผ่านศูนย์กลาง 37.18 เมตร ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความยิ่งใหญ่ในสมัยโบราณ
ในช่วงเทศกาลหรือฤดูกาลพิเศษ (เช่น วันวิสาขบูชา หรือวันสำคัญทางพุทธศาสนาอื่น ๆ) จะมีพุทธศาสนิกชนจากทั่วโลกเดินทางมายังกุสินาราเป็นจำนวนมาก เพื่อร่วมกิจกรรมทางศาสนาและรำลึกถึงพระพุทธองค์ ณ สถานที่แห่งนี้ ซึ่งเป็นบรรยากาศที่เปี่ยมด้วยความสงบและศรัทธา
สถานที่นี้ยังเหมาะสำหรับ นักแสวงบุญ, นักประวัติศาสตร์, และผู้สนใจวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมโบราณ ที่ต้องการมาสัมผัสเรื่องราวอันยิ่งใหญ่และเรียนรู้เกี่ยวกับพุทธประวัติ
หากคุณต้องการสัมผัสประสบการณ์และเรียนรู้เกี่ยวกับพุทธสถานแห่งการปรินิพพานอันศักดิ์สิทธิ์ มกุฏพันธนเจดีย์คือกำหนดการที่ไม่ควรพลาดในการเดินทางของคุณ
วิธีการเดินทาง
-
ทางอากาศ: สนามบินที่ใกล้ที่สุดคือ สนามบินนานาชาติกุสินารา (Kushinagar International Airport - KIX) ซึ่งเริ่มเปิดให้บริการแล้ว หรือสามารถเดินทางไปยัง สนามบินโครักห์ปุระ (Gorakhpur Airport - GOP) จากนั้นต่อรถแท็กซี่หรือรถยนต์เช่าไปยังกุสินารา
-
ทางรถไฟ: สถานีรถไฟหลักที่ใกล้ที่สุดคือ สถานีรถไฟโครักห์ปุระ (Gorakhpur Junction - GKP) ซึ่งเชื่อมต่อกับเมืองใหญ่ต่างๆ ในอินเดีย จากนั้นสามารถต่อรถประจำทางหรือแท็กซี่มายังกุสินาราได้
-
ทางรถยนต์: สามารถเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว รถยนต์เช่า หรือรถประจำทางจากเมืองใกล้เคียงในรัฐอุตตรประเทศ
คำแนะนำ
-
ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด: ควรเยี่ยมชมมกุฏพันธนเจดีย์ในช่วง เดือนตุลาคมถึงมีนาคม ซึ่งเป็นฤดูหนาวและมีสภาพอากาศกำลังสบายสำหรับการท่องเที่ยว
-
การแต่งกาย: เนื่องจากเป็นศาสนสถาน ควรแต่งกายสุภาพเรียบร้อยเมื่อเข้าเยี่ยมชม
-
รองเท้า: โปรดเตรียมพร้อมที่จะถอดรองเท้าก่อนเข้าสู่บริเวณศักดิ์สิทธิ์บางส่วน
-
ความปลอดภัย: ระมัดระวังทรัพย์สินส่วนตัว และปฏิบัติตามกฎระเบียบของสถานที่อย่างเคร่งครัด
-
ความสงบ: สถานที่แห่งนี้เป็นพุทธสถานอันศักดิ์สิทธิ์ ควรสำรวมกาย วาจา ใจ เพื่อรักษาบรรยากาศอันสงบ
ค่าธรรมเนียมเข้าชม (Admission Fee):
-
รายละเอียด: โดยทั่วไป มกุฏพันธนเจดีย์และพื้นที่โดยรอบสามารถเข้าชมได้โดยไม่มีค่าธรรมเนียมเข้าชมเฉพาะส่วนเจดีย์ อย่างไรก็ตาม อาจมีค่าธรรมเนียมเล็กน้อยสำหรับการเข้าชมพิพิธภัณฑ์ทางโบราณคดีกุสินาราที่ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียง
เวลาเปิดทำการ (Opening Time):
-
รายละเอียด: เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 7:00 น. ถึง 17:00 น.