“ต้นฉบับประดับทองอายุเก่าแก่กว่า 1,200 ปี ที่แสดงถึงความรุ่งเรืองทางศิลปะ ศาสนา และวัฒนธรรมของไอร์แลนด์ จัดแสดงอยู่ที่มหาวิทยาลัยทรินิตี คอลเลจ ดับลิน”
คัมภีร์เคลส์ (The Book of Kells) เป็นหนึ่งในต้นฉบับศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงคุณค่าที่สุดของโลก ถือเป็นหนังสือพระวรสารประดับทอง (Illuminated Gospel) ที่สะท้อนความรุ่งเรืองสูงสุดของศิลปะยุคกลางตอนต้น สร้างขึ้นราวปี ค.ศ. 800 โดยพระนักบวชชาวเคลต์ มีเนื้อหาเป็นพระวรสารทั้งสี่ตอนของพันธสัญญาใหม่ (มัทธิว มาระโก ลูกา และยอห์น) เขียนเป็นภาษาละติน พร้อมภาพวาดและลวดลายอันประณีต
ลักษณะทั่วไป
-
ประเภท: ต้นฉบับประดับทอง มีการตกแต่งอักษรแรก ลวดลายขอบ และภาพประกอบเต็มหน้า
-
เนื้อหา: พระวรสารทั้งสี่ตอน พร้อมข้อความนำและตารางเทียบพระวรสาร
-
วัสดุ: เขียนบนแผ่นหนังลูกวัว (Vellum) จำนวน 680 หน้า (340 แผ่น) แบ่งเป็น 4 เล่ม
-
อายุ: สร้างขึ้นเมื่อประมาณ ค.ศ. 800 มีอายุกว่า 1,200 ปี
-
สถานที่ปัจจุบัน: ห้องสมุดเก่า มหาวิทยาลัยทรินิตี คอลเลจ ดับลิน ประเทศไอร์แลนด์
ศิลปะและการประดับตกแต่ง
คัมภีร์เคลส์ได้รับการยกย่องว่าเป็นผลงานสูงสุดของศิลปะแบบอินซูลาร์ (Insular Art) ซึ่งเป็นรูปแบบเฉพาะของเกาะบริเตนและไอร์แลนด์ในยุคกลางตอนต้น
-
ทุกหน้าได้รับการตกแต่งอย่างละเอียด ตั้งแต่ภาพประกอบเต็มหน้า เช่น หน้าชีโร (Chi Rho Page) ไปจนถึงอักษรตัวแรกที่ประดับสีทองและลวดลายจิ๋ว
-
รูปแบบศิลป์ผสมผสานสัญลักษณ์คริสเตียนกับลวดลายแบบเคลติก เช่น ลายถัก ลายเกลียว ลายโซ่ และลวดลายสัตว์ในตำนาน
-
สีที่ใช้ทำจากแร่และพืชธรรมชาติ บางชนิดนำเข้ามาจากต่างประเทศ เช่น ลาพิส ลาซูลี และเวอร์ดิเกรส
-
ลวดลายทั้งหมดสะท้อนถึงความศรัทธา ความเป็นระเบียบแห่งจักรวาล และความศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ของพระวจนะ
ที่มาและประวัติ
คัมภีร์เล่มนี้สร้างขึ้นโดยคณะสงฆ์ของนักบุญโคลัมบา (St. Columba) ที่เกาะไอโอนา (Iona) ประเทศสกอตแลนด์ เพื่อหลบภัยจากการรุกรานของไวกิ้ง พระสงฆ์ได้นำคัมภีร์มายังเมืองเคลส์ (Kells) มณฑลมีธ ประเทศไอร์แลนด์ เพื่อปกป้องและทำให้เสร็จสมบูรณ์
หนังสือเล่มนี้ไม่ได้ถูกใช้ในชีวิตประจำวัน แต่เป็นวัตถุประกอบพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ที่วางบนแท่นบูชาในโบสถ์ใหญ่
คัมภีร์เคลส์รอดพ้นจากการรุกรานของไวกิ้ง การโจรกรรมในคริสต์ศตวรรษที่ 11 ซึ่งทำให้ปกทองคำสูญหาย และการเปลี่ยนแปลงทางศาสนาในยุโรป จนกระทั่งถูกส่งมอบให้มหาวิทยาลัยทรินิตี คอลเลจ ในคริสต์ศตวรรษที่ 17 ซึ่งปัจจุบันถือเป็นสมบัติของชาติไอร์แลนด์
ความสำคัญทางวัฒนธรรม
คัมภีร์เคลส์ไม่เพียงเป็นหนังสือศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของการผสมผสานระหว่างศิลปะ ศรัทธา และภูมิปัญญาแห่งยุคกลางของไอร์แลนด์ นักวิชาการยกย่องให้เป็นหนึ่งในหนังสือที่งดงามที่สุดในโลก และเป็นจุดสูงสุดของการประดับต้นฉบับในยุคกลาง
นิทรรศการปัจจุบัน
นักท่องเที่ยวสามารถชมนิทรรศการคัมภีร์เคลส์ที่มหาวิทยาลัยทรินิตี คอลเลจ ดับลิน ซึ่งจัดแสดงเรื่องราว ประวัติศาสตร์ และเทคนิคการสร้างต้นฉบับโบราณนี้ โดยจะมีการหมุนเวียนเปิดแสดง 2 ใน 4 เล่มเพื่อป้องกันความเสียหายจากแสงและอุณหภูมิ พร้อมยังสามารถเข้าชมห้องสมุด Long Room ที่สวยงามและโด่งดังระดับโลกได้ภายในพื้นที่เดียวกัน
วิธีการเดินทาง
เดินเท้า
- มหาวิทยาลัยทรินิตี คอลเลจ ตั้งอยู่ใจกลางกรุงดับลิน สามารถเดินได้เพียงไม่กี่นาทีจากถนน Grafton และปราสาทดับลิน
รถสาธารณะ
-
รถราง LUAS สายสีเขียว ลงที่สถานี St. Stephen’s Green แล้วเดินต่อประมาณ 5 นาที
-
รถบัสหลายสายจอดที่ถนน Dame Street, College Street และ Nassau Street
-
รถไฟ ลงที่สถานี Pearse เดินต่อประมาณ 10 นาที
รถยนต์ส่วนตัว
- สามารถขับรถเข้าใจกลางเมืองดับลินได้ แต่ที่จอดรถมีจำนวนจำกัด มีที่จอดรถเสียเงินใกล้เคียง เช่น Fleet Street Car Park และ Setanta Car Park
จากสนามบินดับลิน
- นั่งรถบัสสาย Aircoach หรือ Dublin Express เข้าสู่ใจกลางเมือง ใช้เวลาประมาณ 30–40 นาที โดยรถจะจอดใกล้กับมหาวิทยาลัยทรินิตี คอลเลจ
คำแนะนำ
-
เวลาที่เหมาะที่สุดในการเข้าชมคือช่วงเช้าวันธรรมดา ซึ่งนักท่องเที่ยวน้อย
-
ควรจองตั๋วล่วงหน้าทางออนไลน์ โดยเฉพาะในช่วงฤดูท่องเที่ยว
-
ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพภายในห้องจัดแสดง เพื่อป้องกันความเสียหายของต้นฉบับ
-
สามารถวางแผนเที่ยวต่อยังสถานที่ใกล้เคียง เช่น ปราสาทดับลิน ถนน Grafton และหอศิลป์แห่งชาติไอร์แลนด์
-
มีบริการทัวร์นำชมพร้อมคำอธิบายเชิงลึกเกี่ยวกับสัญลักษณ์และเทคนิคของคัมภีร์
ค่าเข้าชม:
- ค่าเข้าชมแตกต่างกันตามฤดูกาล โดยราคาผู้ใหญ่ทั่วไปประมาณ 18–22 ยูโร มีส่วนลดสำหรับนักเรียน ผู้สูงอายุ และครอบครัว แนะนำให้จองตั๋วออนไลน์ล่วงหน้าเพื่อเลือกเวลาชมและได้ราคาพิเศษ
เวลาเปิดทำการ:
-
ฤดูท่องเที่ยว (เมษายน – กันยายน): วันจันทร์–วันเสาร์ เวลา 08:30–18:30 น., วันอาทิตย์ เวลา 09:30–17:00 น.
-
นอกฤดูท่องเที่ยว (ตุลาคม – มีนาคม): วันจันทร์–วันเสาร์ เวลา 09:30–17:00 น., วันอาทิตย์ เวลา 12:00–16:30 น.