“วัดพระนอนมีวิหารพระนอนขนาดใหญ่ เสาศิลาแลงท่อนเดียวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และยังคงโครงสร้างโบราณสถานสมัยสุโขทัย–กำแพงเพชรให้ศึกษา ”
วัดพระนอน (Wat Phra Non) เป็นวัดขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นในช่วงปลายสมัยสุโขทัย ตั้งอยู่ใน เขตอรัญญิก หรือพื้นที่ “วัดป่า” ของเมืองกำแพงเพชร บริเวณนอกกำแพงเมืองด้านทิศเหนือ ห่างจาก วัดป่ามืด เพียงประมาณ 150 เมตร วัดแห่งนี้ได้รับการขุดแต่งและบูรณะโดย กรมศิลปากร และเป็นหนึ่งในโบราณสถานสำคัญที่รวมอยู่ใน อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร ซึ่งได้รับการประกาศเป็น มรดกโลกร่วมกับอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ภายใต้ชื่อ “Historic Town of Sukhothai and Associated Historic Towns” โดยเขตอรัญญิกนับเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ UNESCO ยกย่องด้านการวางผังเมืองและศิลปกรรมศิลาแลง
ลักษณะเด่นที่สุดของวัดคือ วิหารพระนอน ซึ่งเคยประดิษฐานพระพุทธรูปปางไสยาสน์ขนาดใหญ่ แม้ปัจจุบันองค์พระจะพังทลายไปแล้ว แต่จากขนาดฐานชุกชีและการวิเคราะห์ของนักโบราณคดีสันนิษฐานว่าพระนอนเดิมน่าจะยาวหลายเมตรและมีความสำคัญเทียบเท่า วัดพระนอนในเมืองสุโขทัยหรือพิษณุโลก ร่องรอยบนผนังวิหารยังสะท้อนให้เห็นถึงความประณีตของศิลปกรรมสมัยสุโขทัย ซึ่งต่อมาอาจได้รับการบูรณะในช่วงอยุธยาตอนปลายตามแบบสถาปัตยกรรมท้องถิ่น
พื้นที่วัดล้อมรอบด้วย กำแพงศิลาแลงทั้งสี่ด้าน เป็นเอกลักษณ์ของวัดใหญ่ในเขตอรัญญิก เมื่อเดินเข้าสู่ลานวัดที่ปูด้วยศิลาแลง จะพบ เศษสิงห์ปูนปั้น ซึ่งขุดพบตั้งอยู่หน้าฐานโบสถ์ ฐานโบสถ์ยกพื้นสูงราว 80 เซนติเมตร มีมุขเด็จทั้งด้านหน้าและด้านหลัง และมีบันไดขึ้นสองด้าน โครงสร้างภายในแบ่งเป็น 4 แถว รวม 7 ห้อง โดยเสาทั้งหมดทำจาก ศิลาแลงแท่งใหญ่รูปแปดเหลี่ยม เสาเหล่านี้สะท้อนทักษะการตัดศิลาแลงของช่างโบราณ ที่นิยมใช้ศิลาแลงทั้งแท่งโดยไม่ผ่ากลาง เพื่อความแข็งแรงและทนทานต่อกาลเวลา
ด้านข้างโบสถ์มี บ่อน้ำทรงสี่เหลี่ยม ห้องอาบน้ำ และศาลาน้ำ ซึ่งก่อด้วยศิลาแลงทั้งสิ้น โดยเฉพาะ เสาศิลาแลงขนาดกว้าง 1.1 เมตร ยาว 1.1 เมตร และสูง 6.4 เมตร ซึ่งถือเป็น เสาศิลาแลงท่อนเดียวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เป็นหลักฐานสำคัญที่บ่งบอกถึงเทคนิคและความชำนาญของช่างในสมัยสุโขทัยตอนปลาย
บริเวณด้านหลังโบสถ์คือ วิหารพระนอนรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดกว้างประมาณ 25 เมตร ภายในประกอบด้วย เสาศิลาแลง 6 แถว 6 ห้อง แต่ละต้นมีขนาดมหึมา ความยาวกว่า 4–5 เมตร ผนังของวิหารเจาะเป็นช่องลูกกรงยาวเพื่อรับแสงธรรมชาติ ทำให้ภายในวิหารมีบรรยากาศสงบและงดงาม โดยเฉพาะช่วงเช้าและช่วงบ่ายที่แสงจะลอดช่องผนังให้เห็นลายเงาของเสาที่สวยเป็นพิเศษ เหมาะสำหรับผู้ชื่นชอบการถ่ายภาพเชิงสถาปัตยกรรม และผู้สนใจสำรวจโบราณสถานอย่างลึกซึ้ง (พื้นที่ภายในส่วนใหญ่ไม่มีหลังคา นักท่องเที่ยวควรเตรียมกันแดดและน้ำดื่ม)
แม้ปัจจุบันวัดพระนอนจะเป็น วัดร้าง แต่โบราณสถานยังคงสภาพให้เห็นโครงสร้างสำคัญชัดเจน ตั้งแต่ ผังวัด โบสถ์ วิหารพระนอน ไปจนถึงระบบศิลาแลงทั้งก้อน สะท้อนความยิ่งใหญ่ของสถาปัตยกรรมในยุคสุโขทัย–กำแพงเพชรอย่างครบถ้วน วัดพระนอนยังถูกกล่าวถึงในพระราชนิพนธ์ “เสด็จประพาสต้น” ของรัชกาลที่ 5 และงานเขียน “เที่ยวเมืองพระร่วง” ของรัชกาลที่ 6 ซึ่งยืนยันบทบาทและความสำคัญของวัดแห่งนี้ในประวัติศาสตร์ไทย
สำหรับนักท่องเที่ยว วัดพระนอนเป็นสถานที่เหมาะแก่การเดินชมอย่างช้า ๆ ท่ามกลาง บรรยากาศวัดป่าเงียบสงบ ศึกษารูปแบบ ศิลาแลงที่หาชมได้ยาก และสัมผัส ธรรมชาติของเขตอรัญญิก ควรสวมรองเท้าสำหรับเดิน เพราะพื้นศิลาแลงค่อนข้างขรุขระ โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนที่อาจลื่น และช่วงเช้าหรือช่วงบ่ายเป็นเวลาที่เหมาะที่สุดในการชม แสงลอดช่องลูกกรงของวิหาร ซึ่งงดงามและให้มิติเฉพาะตัวมากเป็นพิเศษ
วิธีการเดินทาง
โดยรถยนต์ส่วนตัว:
-
จากตัวเมืองกำแพงเพชร ใช้ถนนกำแพงเพชร–พิจิตร มุ่งหน้าไปทาง ตำบลหนองปลิง
-
เมื่อถึง อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร ให้สังเกตป้ายบอกทางไปวัดพระนอน
-
ขับต่อไปอีกประมาณ 5–10 นาที จะถึงลานจอดรถของวัด
-
มีที่จอดรถสะดวกสำหรับรถยนต์ส่วนตัวและรถตู้
โดยรถสาธารณะ/รถทัวร์:
-
จากตัวเมืองกำแพงเพชร สามารถนั่ง รถสองแถวหรือรถตุ๊กตุ๊ก ไปยังอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร
-
จากอุทยานฯ เดินต่อไปยังวัดพระนอนประมาณ 10–15 นาที
-
นักท่องเที่ยวสามารถเหมารถมอเตอร์ไซค์รับจ้างหรือจักรยานเพื่อความสะดวก
โดยจักรยาน/เดินเท้า:
-
หากพักใกล้ อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร สามารถเดินหรือปั่นจักรยานไปยังวัดพระนอนได้ประมาณ 10–15 นาที
-
เส้นทางส่วนใหญ่เป็นถนนคอนกรีตและทางดินลาดชันเล็กน้อย ควรสวมรองเท้าที่เดินสะดวก
คำแนะนำ
-
สวมรองเท้าที่เดินสะดวกและระวังพื้นศิลาแลงขรุขระ
-
ควรนำ น้ำดื่มและหมวก/ร่ม เพราะพื้นที่วิหารส่วนใหญ่ไม่มีหลังคา
-
ช่วงเช้าและบ่ายเป็นเวลาที่ แสงธรรมชาติลอดช่องลูกกรง งดงามที่สุด
-
ใช้เวลาสำรวจทั้งโบสถ์ วิหาร และลานวัดอย่างช้า ๆ เพื่อซึมซับประวัติศาสตร์
-
หากใช้จักรยานหรือเดินมาจากอุทยานฯ ระวังเส้นทางลาดชันเล็กน้อย
ค่าเข้าชม:
- ฟรี
เวลาเปิดทำการ:
- ทุกวัน เวลา 08:00–17:00 น.